"ปชป.คึก! ติวเข้มว่าที่ผู้สมัครส.ส.กทม. 33 เขต เตรียมนั่งรถ EV ไปจับเบอร์ "จุรินทร์" นำทีม"ปาร์ตี้ลิสต์"ยื่น 4 เม.ย. "องอาจ" โวหลัง"อภิสิทธิ์"คัมแบ็คกระแสพรรคมีแต่เพิ่มไม่มีลด "เฉลิมชัย"ฟาดแรง ใสหัวส่ง "คนตีจาก" ไร้สำนึก หักหลังพี่น้อง ขอให้ไปดี ไม่ต้องกลับมาอีก กทม.เปิด 16 จุด ให้ผู้สมัครส.ส.ใช้พื้นที่ปราศรัยหาเสียง
ที่พรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) เมื่อวันที่ 30 มี.ค.66 นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ดูแลพื้นที่เลือกตั้ง กทม. พร้อมด้วย น.ส.วทันยา บุนนาค ประธานคณะทำงานนวัตกรรมการเมือง กทม. และนายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ประธานคณะทำงานนโยบาย กทม. ได้เชิญว่าที่ผู้สมัครส.ส.กทม.และผอ.ศูนย์เลือกตั้งกทม.ทั้ง 33 เขต ร่วมประชุมวางแผนการเลือกตั้ง และซักซ่อมความเข้าใจก่อนสมัครวันที่ 3 มี.ค.นี้
นายองอาจ ให้สัมภาษณ์ว่า เป็นการประชุมเพื่อร่วมกันวางแผนในการเลือกครั้งนี้หลังจากสมัครรับเลือกตั้งในวันที่ 3 เม.ย.แล้ว โดยพรรคได้นัดว่าที่ผู้สมัครมาที่พรรคตั้งแต่เวลา 05.30 น. โดยใช้รถบัสพลังงานไฟฟ้า หรือรถ EV เดินทางไปยังสถานที่รับสมัครรับเลือกตั้ง ที่อาคารกีฬาเวสน์ 2 ศูนย์เยาวชนกรุงเทพฯ ไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง เพื่อให้ประชาชนได้รู้ว่าพรรคเอาจริงเอาจังในการแก้ไขปัญหาฝุ่น PM 2.5 ซึ่งหากได้เป็นรัฐบาลจะหาโอกาสผลักดันให้ กทม. มีอากาศสะอาด จากนั้นเวลา 10.30 น.แกนนำพรรคฯ จะพาผู้สมัครทั้ง 33 คน ไปสักการะศาลหลักเมือง และเดินเท้าไปยังวัดพระแก้ว เพื่อสักการะเพื่อความเป็นสิริมงคล
เมื่อถามถึงกระแสตอบรับจากกิจกรรม โรดโชว์ โพลิซี เป็นอย่างไรบ้าง เนื่องจากพรรคอื่นไม่มี นายองอาจ กล่าวว่า ประชาชนให้การตอบรับเป็นอย่างดี ทางพรรคก็พยายามหาช่องทางหลายรูปแบบที่จะเข้าถึงประชาชนมากที่สุด กิจกรรมโรด โชว์ โพลิซี ก็เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนฟัง คิด ทำ คือการฟังประชาชน คิดร่วมกับประชาชน จะเห็นว่าวันแรกที่เราไปที่ตลาดเอี่ยมสมบัติ เขตสวนหลวง ก็เป็นการไปพูดตรงตลาด พี่น้องประชาชนก็เดินผ่านไปมาตามปกติ เราก็ถือว่าได้มีโอกาสสื่อสารและแจกเอกสารให้ประชาชน ขณะนี้เราจึงต้องออกไปขอโอกาสพี่น้องประชาชน เพื่อเราจะได้มีโอกาสทำ
เมื่อถามว่า เมื่อวันที่ 29 มี.ค.ที่ผ่านมา นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ มาร่วมขึ้นเวทีพบปะประชาชนที่ใต้สะพานพระราม 8 กทม. จะยิ่งเสริมพลังของพรรคมากขึ้น นายองอาจ กล่าวว่า คิดว่าบุคคลากรของพรรคล้วนแล้วแต่มีคุณค่า มีความหมายดังนั้นท่านใดก็ตามที่เข้ามามีส่วนช่วยก็ถือว่าช่วยเพิ่มความนิยมในพรรคปชป.มากขึ้น ก็ถือว่าเป็นเรื่องดี ไม่ว่าจะเป็นนายอภิสิทธิ์ ,นายชวน หลีกภัย ,นายบัญญัติ บรรทัดฐาน อดีตหัวหน้าพรรค ทุกท่านล้วนแล้วแต่มีผู้สนับสนุน หรือมีFC ของท่าน จึงมีแต่บวก มีแต่เพิ่ม ไม่มีลดแน่นอน
นายองอาจ กล่าวถึงการทำงานกรณีผู้สมัคร ส.ส.หน้าใหม่ในพื้นที่ด้วย ว่า ในพื้นที่มีทัั้งอดีตส.ข.,ส.ก. รวมทั้งคณะทำงานในพื้นที่ ซึ่งทำงานประจำในพื้นที่อยู่แล้ว ดังนั้นจึงไม่ได้มีอุปสรรคอะไร ส่วนกรณีศาลปกครองสูงสุด นัดไต่สวนคดี คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)แบ่งเขตเลือกตั้งขัดกฎหมาย ก็ไม่ได้กังวลอะไร ไม่ได้ติดตามอะไรเป็นพิเศษ ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาลฯ ศาลจะมีความคิดเห็นอย่างไร หรือวินิจฉัยอย่างไร ก็คงต้องรอดู แต่เราก็พร้อมปฏิบัติตามคำสั่งศาล หรือคำสั่งของกกต. เพราะคงไม่สามารถเลือกได้ว่าจะไม่ปฏิบัติตาม
สำหรับในวันที่ 31 มี.ค. เวลา 09.30 น. ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อที่ผ่านการรับรองทั้ง 100 รายชื่อ จะมารวมตัวกันที่พรรคสักการะพระแม่ธรณีบีบมวยผม เพื่อเอาฤกษ์เอาชัยก่อนที่จะเดินทางไปสมัครส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ในวันที่ 4 เม.ย.โดยมี นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฐ์ หัวหน้าพรรค เป็นผู้นำผู้สมัครไปยื่นสมัครด้วยตนเอง
นายนิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และผู้อำนวยการเลือกตั้ง พรรค ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบเขตเลือกตั้งที่ 1 ที่ 2 และ 3 ของ จ.สงขลา กล่าวว่า จากการที่ผู้สมัครทั้ง 3 เขต ได้ทำการลงพื้นที่พบปะกับประชาชนในเขตเลือกตั้งอย่างต่อเนื่อง ตั้งปี 65 เป็นต้นมา ได้รับกระแสตอบรับจากประชาชนเป็นอย่างดี เวลาทีเหลือก่อนที่จะถึงวันเลือกตั้ง ผู้สมัครทุกเขตและผู้ให้การสนับสนุนทั้งในพื้นที่และของพรรค จะช่วยหาเสียงอย่างเต็มที่ ในฐานะที่ทำงานการเมืองมานาน มีประสบการณ์ ทำให้เชื่อมั่นว่า ในการเลือกตั้งครั้งนี้ เขตเลือกตั้งทั้ง 3 ได้ ผู้สมัครของพรรคจะได้เลือกกลับเข้ามาอย่างแน่นอน
โดยในการเลือกตั้งครั้งนี้ พรรคประชาธิปัตย์มีนโยบายที่นำเสนอต่อประชาชนที่ชัดเจน ทั้งในเขตเมืองใหญ่ เมืองขนาดกลางและเมืองเล็ก เพราะวันนี้ประเทศไทยภายใต้ นโยบายการกระจายอำนาจ ที่พรรคประชาธิปัตย์ทำสำเร็จ ทำให้ประเทศไทยไม่มีเขตชนบทอีกต่อไป นโยบาย สร้างคน สร้างเงิน สร้างชาติ ที่เป็น นโยบายหลักของพรรค เป็นนโยบายที่ทำได้จริง และหลายอย่างทำสำเร็จมาแล้ว เช่นการ ประกันรายได้ให้เกษตร การแจกโฉนดที่ดิน ซึ่งตนเป็น รมช. มหาดไทยมา 3 ปี สามารถแจกโฉนดที่ดินถึง 400,000 ฉบับ ถ้าประชาธิปัตย์ได้เป็นรัฐบาลอีก จะแจกโฉนดให้ได้ 1 ล้านฉบับในเวลา 4 ปี
โดยเฉพาะนโยบายในเขตเมืองใหญ่ๆ อย่างเทศบาลนครหาดใหญ่ เทศบาลนครสงขลา ซึ่งมีเรื่องของ เศรษฐกิจ การค้า การลงทุน และมีชุมชนจำนวนมาก ที่มีเรื่องของอาชีพ ของปากท้อง ประชาธิปัตย์ก็มีนโยบายที่แยกย่อยลงไป เพื่อการแก้ปัญหาในพื้นที่ ซึ่งมีปัญหาที่ต่างกัน ตั้งแต่เรื่อง คมนาคม เช่นเขต 2 หาดใหญ่ ต้องมีโมโนเรล ที่ ประชาธิปัตย์ทำไว้แล้ว และจะทำให้สำเร็จ การพัฒนาสถานที่ท่องเที่ยวใน อ.หาดใหญ่ ก็เป็นอีกเรื่องที่ประชาธิปัตย์อยู่ระหว่างการดำเนินการ
สำหรับในเขตเลือกตั้งที่ 2 จ.สงขลา คือพื้นที่เขตเทศบาลนครหาดใหญ่ทั้งหมด และต.คลองอู่ตะเภา มีผู้สมัครที่มีชื่อชั้นในการเลือกตั้งครั้งนี้ เช่น นายนิพัฒน์ อุดมอักษร จากพรรคประชาธิปัตย์ นายศราตรา ศรีปาน จากพรรครวมไทยสร้างชาติ นายเจษฎาพงษ์ ชูแก้ว จากพรรคภูมิใจไทย ซึ่งเป็น 3 พรรคการเมืองที่จะเข้าป้ายเพื่อเป็น ส.ส.ในเขตเลือกตั้งที่ 2 แต่ก็ประมาทไม่ได้กับ นายจูรี นุ่มแก้ว จากพรรคชาติพัฒนากล้า ที่เป็นดาวติ๊กต๊อกชื่อดังในโซเชียล ที่อยู่ในกระแสของความสนใจของประชาชน และร.ต.ท.ชราธิป สันติภราภพ จากพรรคเพื่อไทย และผู้สมัครจากพรรคก้าวไกล ที่มีเสียงสนับสนุนจากคนรุ่นใหม่
ด้าน นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการประชาธิปัตย์ ได้โพสต์เฟสบุ๊กส่วนตัว "ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์" ด้วยถ้อยคำที่ดุเดือด ว่า คนบ้านนอกอย่างผม คบใครไม่เคยเผื่อเลือก มีแต่ความ จริงใจ ใครทำอะไร? ใครเข้ามาเพื่ออะไร? ผมมองออก ไม่ได้โง่
กับพี่ กับน้อง กับเพื่อน ผมมีแต่ความจริงใจ ถ้าจะด่าหรือตำหนิ ผมพูดตรงๆ ไม่ฝากใครไปบอก และไม่พูดออกอากาศ เพราะทุกคนผิดได้ พี่ๆ น้องๆ พรรคพวกกัน ถ้าชัดเจนต่อกัน จริงใจให้กัน ไม่จ้องแทงหลัง มีความจริงใจต่อกัน ผมเต็มที่กลับเสมอ
พี่น้องในพรรค พี่น้องในกระทรวง หรือพี่น้องรอบข้างที่ทำงานด้วยกัน มีนิสัย และบุคลิกต่างกันออกไป แต่ทุกคนที่ทำงานกับผม ล้วน จริงใจ จริงจัง และ ซื่อตรง ต่อกัน และนี้คือความโชคดีของผม ทีมงานที่ทำงานด้วยกัน ล้วนเป็นพี่น้อง เป็นครอบครัวร่วมมือกันเพื่อพัฒนาประเทศ เพื่อดูแลพี่น้องคนไทย
ใครที่อยู่ข้างผม ขอให้วางใจว่า ผมพร้อม ซัพพอร์ต เสมอ ถ้าสิ่งที่ทำเป็นประโยชน์ต่อสังคม ต่อประเทศชาติ ใครที่ตีจากอย่างไร้สำนึก หักหลังพี่น้อง ก็ขอให้ไปได้ดี และอย่าได้กลับมาอีก ผมไม่ต้อนรับ คนหักหลังพวกพ้อง ไม่มีใครอยากคบคนแบบนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตามที่ได้มีพระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2566 เพื่อให้มีการเลือกตั้งส.ส. เป็นการเลือกตั้งทั่วไป ซึ่งคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ได้ประกาศกำหนดวันเลือกตั้งส.ส.ในวันอาทิตย์ที่ 14 พ.ค.66 ประกอบกับมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติในการเลือกตั้งส.ส. เป็นการเลือกตั้งทั่วไป ได้กำหนดให้ราชการส่วนกลาง ราชการส่วนภูมิภาค ราชการส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานของรัฐให้การสนับสนุนสถานที่เพื่อใช้เป็นสถานที่ในการจัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร รวมทั้งอำนวยความสะดวกอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง นั้น
ล่าสุด กรุงเทพมหานคร(กทม.) โดย นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้ลงนามในประกาศกรุงเทพมหานคร เรื่องกำหนดสถานที่สำหรับการปราศรัยหาเสียงเลือกตั้งของผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง กรุงเทพมหานคร และพรรคการเมืองที่ส่งผู้สมัครเป็นส.ส.จำนวน 16 แห่ง เพื่อเป็นการสนับสนุนการจัดการเลือกตั้งดังนี้ 1.ลานคนเมือง เขตพระนคร 2.สวนจตุจักร เขตจตุจักร 3.สวนวชิรเบญจทัศ (สวนรถไฟ) เขตจตุจักร 4.อุทยานเบญจสิริ เขตคลองเตย
5.สวนลุมพินี เขตปทุมวัน 6.สวนเสรีไทย เขตบึงกุ่ม 7.สวนพระนคร เขตลาดกระบัง 8.สวนพัฒนาภิรมย์ เขตประเวศ 9.สวนกีฬารามอินทรา เขตบางเขน 10.สวนสาธารณะหน้าเดอะมอลล์บางแค เขตบางแค 11.บริเวณพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช (วงเวียนใหญ่) เขตธนบุรี 12.สวนสาธารณะใต้สะพานพระราม 8 เขตบางพลัด 13.สวนหลวงพระราม 8 เขตบางพลัด 14.ศูนย์กีฬาเฉลิมพระเกียรติ เขตทุ่งครุ 15.ศูนย์ฝึกกีฬาบางกอกอารีน่า เขตหนองจอก 16.สถานที่แห่งอื่น ๆ ตามที่หัวหน้าหน่วยงานผู้ซึ่งดูแลรับผิดชอบสถานที่พิจารณาเห็นสมควร
ทั้งนี้ ผู้สมัครรับส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง กรุงเทพมหานคร และพรรคการเมืองที่ส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นส.ส.ที่ประสงค์จะขอใช้สถานที่ดังกล่าวจะต้องดำเนินการตามหลักเกณฑ์ ดังนี้ 1.ผู้มีสิทธิขออนุญาตใช้สถานที่ปราศรัยหาเสียงเลือกตั้งต้องเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง กรุงเทพมหานคร หรือพรรคการเมืองที่ส่งผู้สมัครรับเลือกตั้ง เป็นส.ส. หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นลายลักษณ์อักษรจากผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง กรุงเทพมหานคร หรือพรรคการเมืองที่ส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นส.ส.
2.สถานที่ยื่นคำร้องขออนุญาตใช้สถานที่ปราศรัยหาเสียงเลือกตั้ง ให้ยื่นคำร้องต่อหัวหน้าหน่วยงานที่ดูแลรับผิดชอบสถานที่นั้นๆ ในวัน เวลาราชการ โดยให้ยื่นคำร้องล่วงหน้าก่อนวันเข้าใช้สถานที่ไม่น้อยกว่า 3 วัน 3.ผู้ยื่นคำร้องขอใช้สถานที่ปราศรัยหาเสียงเลือกตั้งจะต้องจัดเตรียมวัสดุอุปกรณ์ และเวทีในการปราศรัยหาเสียงเลือกตั้งมาเอง กรุงเทพมหานครจะอำนวยความสะดวกในเรื่องสถานที่เท่านั้น 4.หากเกิดความเสียหายจากการใช้สถานที่ในการจัดเวทีปราศรัยหาเสียงเลือกตั้งดังกล่าวให้ผู้ขอใช้สถานที่เป็นผู้รับผิดชอบต่อความเสียหายทั้งหมดที่เกิดขึ้น 5.สำหรับหลักเกณฑ์อื่น ๆ ให้เป็นไปตามที่หน่วยงานผู้ดูแลรับผิดชอบสถานที่กำหนด