บมจ.ปัญจวัฒนาพลาสติก(PJW) พร้อมย้ายจาก mai เข้าเทรดใน SET วันที่ 30 มี.ค.นี้ หวังเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ ขยายฐานนักลงทุนให้มีความหลากหลาย และดึงดูดความน่าสนใจของสถาบันให้เข้ามาลงทุนมากขึ้น รวมทั้งเพิ่มสภาพคล่องการซื้อขายหุ้น ฟากบิ๊กบอส "วิวรรธน์ เหมมณฑารพ"ระบุแนวโน้มธุรกิจปี 66 เทิร์นอะราวด์ ตั้งเป้ารายได้เติบโต 10% จากงาน Backlog งานนิวโมเดล ของชิ้นส่วนยานยนต์และกลุ่มบรรจุภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่น หลังเศรษฐกิจส่งสัญญานฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง
นายวิวรรธน์ เหมมณฑารพ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ปัญจวัฒนาพลาสติก จำกัด (มหาชน) หรือ PJW เปิดเผยว่าเมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2566 บริษัทฯได้ย้ายหุ้นเข้ามาทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในกลุ่มบรรจุภัณฑ์ จากเดิมที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ซึ่งการย้ายเข้าจดทะเบียนในSETครั้งนี้ จะเอื้ออำนวยและเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ ขยายฐานนักลงทุนให้มีความหลากหลายมากขึ้น โดยเฉพาะประเภทนักลงทุนสถาบันทั้งในและต่างประเทศ น่าจะมีความสนใจสามารถเข้ามาเพิ่มสัดส่วนการลงทุนได้มากขึ้น รวมทั้งจะช่วยเพิ่มสภาพคล่องการซื้อ-ขายหุ้น ตลอดจนรองรับการขยายธุรกิจของบริษัทฯ ในอนาคต
“บริษัทฯมั่นใจว่าการย้ายเข้าเทรด SET ครั้งนี้ จะช่วยเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ และเชื่อว่าจะได้รับการตอบรับจากนักลงทุนอย่างคึกคัก ลดข้อจำกัดในการเพิ่มน้ำหนักของนักลงทุนสถาบัน โดยทีมผู้บริหารพร้อมเดินหน้าขยายธุรกิจอย่างไม่หยุดยั้ง สร้างรายได้และกำไรเติบโตอย่างแข็งแกร่ง เห็นได้จากผลการดำเนินงานในช่วงที่ผ่านมายังสามารถรักษาการเติบโตของรายได้ไว้ได้ แม้จะเผชิญความท้าทายจากต้นทุนที่ปรับตัวสูงขึ้นในทุกๆด้านทั้งส่วนของความผันผวนของราคาวัตถุดิบจากผลกระทบของสงครามยูเครน-รัสเซีย ต้นทุนค่าแรงงาน ค่าพลังงานและค่าขนส่ง รวมไปถึงอัตราดอกเบี้ยและค่าเงินบาทที่อ่อนตัวเมื่อเทียบกับปี 2564 ”
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร PJW กล่าวอีกว่า สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจในปี 2566 บริษัทฯคาดว่าจะมีทิศทางที่ดีขึ้นจากปีก่อนโดยตั้งเป้าหมายรายได้เติบโตไว้ที่ 10% เนื่องจากภาครัฐเดินหน้านโยบายเปิดเมืองเต็มรูปแบบรวมถึงประเทศจีนเปิดประเทศได้เร็ว ส่งผลให้ภาพรวมเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวกลับมาฟื้นตัว ส่งผลให้สินค้าหลักของบริษัทในกลุ่มบรรจุภัณฑ์พลาสติกทั้งน้ำมันหล่อลื่นและนมเปรี้ยว รวมถึงชิ้นส่วนยานยนต์ที่ปัญหาเรื่องชิปคลี่คลายและยอดขายกลับมาเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง หลังจากมีสัญญานเศรษฐกิจในประเทศเริ่มฟื้นตัวทั้งภาคการท่องเที่ยวและภาคการผลิต โดยเฉพาะยอดขายจากชิ้นส่วนยานยนต์จะเพิ่มขึ้นอย่างมาก จากการรถโมเดลรุ่นใหม่ๆในปีนี้ หลังจากที่ชะลอมาในช่วงสถานการณ์โควิดและปัญหาเซมิคอนดักเตอร์ขาดแคลน รวมถึงยอดขายกลุ่มบรรจุภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่นที่จะกลับมาฟื้นตัวหลังการเปิดประเทศ
ขณะเดียวกันบริษัทฯยังคงเดินหน้าที่จะเพิ่มช่องทางสร้างรายได้จากการลงทุนในธุรกิจใหม่ๆ เพื่อสร้าง New S-curve ผลักดันการเติบโตได้อย่างก้าวกระโดด โดยอยู่ระหว่างเพิ่มสายการผลิตในส่วนผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ คาดจะเริ่มผลิตได้ภายในปีนี้ รวมทั้งยังคงเปิดโอกาสในการศึกษาและหา Synergy ใหม่ๆ ร่วมกับพันธมิตรที่มีศักยภาพโดยเฉพาะในด้านผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์จากพลาสติกเพิ่มเติมอีกด้วย ซึ่งจะเป็นอีกธุรกิจที่จะสนับสนุนการเติบโตได้อย่างแน่นอน