จากกรณีที่ ตำรวจ สน.พระราชวัง แจ้ง 2 ข้อหา ชายพ่นสเปรย์กำแพงวัดพระแก้ว ตาม พ.ร.บ.โบราณสถาน-พ.ร.บ.ความสะอาด 

ทั้งนี้ตาม มาตรา 32 ตาม พ.ร.บ.โบราณสถานฯ ระบุไว้ว่า ผู้ใดบุกรุกโบราณสถาน หรือทําให้เสียหาย ทําลายทําให้เสื่อมค่าหรือทําให้ไร้ประโยชน์ซึ่ง โบราณสถาน ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินเจ็ดปี หรือปรับไม่เกินเจ็ดแสนบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ ตามที่นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น

ล่าสุดดร.ศุภณัฐ อภิญญาณ หรือ ดร.นิว นักวิจัยภายใต้สถาบันวิจัย MAST Center และ คณะวิศวกรรมชีวการแพทย์ University of Arkansas ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้โพสต์ข้อความไขข้อสงสัยว่า...วัดพระแก้วเป็นโบราณสถานหรือไม่?  ผ่านเฟซบุ๊ก suphanat Aphinyan ระบุว่า....

การพิจารณาว่า "พระบรมมหาราชวัง" หรือ "วัดพระแก้ว" เป็นโบราณสถานหรือไม่นั้น จำเป็นต้องอ้างอิงจากกฎหมายสำคัญที่เกี่ยวข้อง เป็นไปตามพระราชบัญญัติโบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุและพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พ.ศ. 2504 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติโบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุและพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2535

มาตรา 4 ได้ระบุไว้ว่า "โบราณสถาน” หมายความว่า อสังหาริมทรัพย์ซึ่งโดยอายุหรือโดยลักษณะแห่งการก่อสร้าง หรือโดยหลักฐานเกี่ยวกับประวัติของอสังหาริมทรัพย์นั้น เป็นประโยชน์ในทางศิลป ประวัติศาสตร์ หรือโบราณคดี ทั้งนี้ ให้รวมถึงสถานที่ที่เป็นแหล่งโบราณคดี แหล่งประวัติศาสตร์และอุทยานประวัติศาสตร์ด้วย

ดังนั้น ความหมายของคำว่า "โบราณสถาน" จึงไม่ได้จำกัดอยู่ที่การขึ้นทะเบียนหรือไม่ได้ขึ้นทะเบียนเท่านั้น หากแต่ขึ้นอยู่กับว่าอสังหาริมทรัพย์นั้นเข้าข่ายตามที่ระบุไว้ในมาตรา 4 หรือไม่ ถ้าใช่ก็จะเป็นโบราณสถานโดยปริยาย สำหรับ "พระบรมมหาราชวัง" หรือ "วัดพระแก้ว" เป็นสถานที่สำคัญอันดับต้นๆ ของชาติ อีกทั้งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวระดับโลกย่อมเป็นโบราณสถานอย่างแน่นอน

อนึ่งประโยชน์ของการขึ้นทะเบียนอยู่ที่มาตรา 11 ได้ระบุไว้ว่า โบราณสถานที่ได้ขึ้นทะเบียนแล้วนั้น แม้ว่าจะเป็นโบราณสถานที่มีเจ้าของหรือผู้ครอบครองโดยชอบด้วยกฎหมาย ก็ให้อธิบดีมีอํานาจสั่งให้พนักงานเจ้าหน้าที่หรือบุคคลใดๆ ทําการซ่อมแซมหรือกระทําด้วยประการใดๆ อันเป็นการบูรณะหรือรักษาไว้ให้คงสภาพเดิมได้ แต่ต้องแจ้งเป็นหนังสือให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองทราบก่อน

หากแต่ "พระบรมมหาราชวัง" หรือ "วัดพระแก้ว" อยู่ภายใต้การดูแลรักษาของสำนักพระราชวังอยู่แล้ว จึงไม่มีความจำเป็นอันใดที่จะต้องให้กรมศิลปากรมาดูแลรักษาซ้ำซ้อน เป็นที่มาของสาเหตุซึ่งไม่ได้มีความจำเป็นที่จะต้องขึ้นทะเบียน "พระบรมมหาราชวัง" หรือ "วัดพระแก้ว" เป็นโบราณสถานเพื่อให้อยู่ภายใต้การดูแลรักษาของกรมศิลปากร

เมื่อเป็นดังนี้แล้ว "พระบรมมหาราชวัง" หรือ "วัดพระแก้ว" ย่อมได้รับความคุ้มครองตามมาตรา 32 ผู้ใดบุกรุกโบราณสถาน หรือทำให้โบราณสถานเสียหาย ทำลาย ทำให้เสื่อมค่า หรือทำให้โบราณสถานไร้ประโยชน์ มีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปีหรือปรับไม่เกิน 700,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ แต่หากกระทำต่อโบราณสถานที่ได้ขึ้นทะเบียนแล้ว ผู้กระทำมีโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปีหรือปรับไม่เกิน 1,000,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ

เห็นได้ชัดว่าแม้แต่มาตรา 32 ก็ได้ระบุไว้ทั้งโบราณสถานที่ยังไม่ได้ขึ้นทะเบียน ตลอดจนโบราณสถานที่ได้ขึ้นทะเบียนแล้ว ฉะนั้นการปั่นกระแสบิดเบือนของเครือข่ายลัทธิสามนิ้วว่า "พระบรมมหาราชวัง" หรือ "วัดพระแก้ว" ไม่ใช่โบราณสถานเพราะยังไม่ได้ขึ้นทะเบียนนั้น จึงเป็นการบิดเบือนหลอกใช้คนโง่ในประเทศ ให้ทำผิดติดคุกติดตะรางแทนคนถ่อยที่อยู่นอกประเทศอย่างสมศักดิ์เจียมนั่นเอง

ดร.ศุภณัฐ
30 มีนาคม พ.ศ. 2566
#ประชาธิปไตยTheseries by ดร.ศุภณัฐ