วันนี้ (28 มี.ค.) ที่ สน.พหลโยธิน พล.ต.ต.เอกรักษ์ ลิ้มสังกาศ รองเลขาธิการ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ได้เข้าแจ้งความดําเนินคดีกลับ นายนายอัจริยะ เรืองรัตนพงศ์ ภายหลังเมื่อวันที่ 27 มีนาคมที่ผ่านมา  นายอัจฉริยะ นําเอกสารหลักฐาน เข้าร้องทุกข์กล่าวโทษในความผิดฐาน "ฟอกเงิน" ที่กองบังคับการปราบปราม ถ.พหลโยธิน

โดย รอง เลขาฯ ปปง. กล่าวว่า การที่คุณอัจฉริยะ ไปแจ้งความดําเนินคดีพร้อมกับพาดพิงตนเองและภรรยาที่กองปราบฯนั้น ทําให้เสื่อมเสียชื่อเสียงเป็นอย่างมาก  โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อต้นปี 65  ยอมรับว่าตนเป็นคนแนะนําให้บุคคล 2 คนในภาพที่อัจฉริยะเผยต่อสื่อจริง ซึ่งเค้าอ้างว่าเป็นเอฟซีคุณชูวิทย์ ตนจึงแนะนําให้ 2 คนรู้จักกันเพราะอีกคนรู้จักกับคุณชูวิทย์ ส่วนจะไปพูดคุยหรือไปโรงแรมคุณชูวิทย์หรือไม่นั้น ตนไม่ทราบ ส่วนสารวัตรซัว ตนเองก็ไม่เคยรู้จักมาก่อน แต่หลายปีก่อนหน้านี้เคยมีคนพาคนชื่อซัวมาไหว้แต่ไม่รู้ว่าคือซัวเดียวกันหรือไม่ เพราะไม่เคยติดต่อกันหลังจากนั้น

ในส่วนภรรยาตนที่คุณอัจฉริยะ กล่าวหาว่ารับเงินจากเว็บพนันออนไลน์หลายแห่งนั้น ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง ภรรยาตนทําอาชีพเป็นเซลล์ขายไม้อัด ซึ่งเป็นอาชีพที่สุจริตไม่เกี่ยวข้องการรับเงินดังกล่าวอย่างแน่นอน ในส่วนภาพที่ตนถ่ายรูปคู่กับชายคนหนึ่งร่างท้วม ที่คุณอัจฉริยะอ้างว่าเป็นเจ้าของเว็บพนันออนไลน์นั้น ยอมรับว่ารู้จักเพราะเป็นลูกของเพื่อน ที่เป็นนักการเมืองท้องถิ่นใน จ.อ่างทอง และมาขอถ่ายรูปตอนตนไปเป็นอาจารย์สอนสถานศึกษาที่เค้าเรียนอยู่ ก็เท่านั้น

โดย รอง เลขาฯ ปปง. กล่าวอีกว่า ตนเองไม่รู้จักคุณชูวิทย์เป็นการส่วนตัว อาจจะเคยพูดบ้างแต่นานแล้ว และยืนยันว่าไม่เคยไปที่โรงแรมเดวิส แม้แต่ครั้งเดียว หากคุณอัจฉริยะมีหลักฐานว่าตนอยู่จริง สามารถนําหลักฐานหรือกล้องวงจรปิดออกมาชี้แจงได้ และขอยํ้าว่าตนเองไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเกี่ยวกับเรื่องการเคลีย์หน้าเสื่อให้กับเว็บพนันออนไลน์หรือผัวพันกับสิ่งผิดกฎหมาย เพราะตําแหน่งของตนนั้นเป็นสายวานธุรการ ไม่มีอํานาจในการยุดหรืออายัดทรัพย์สินใครทั้งนั้น  ซึ่งหากพบว่าตนเองมีส่วนเกี่ยวข้องหรือกระทําความผิดจริง ยินดีลาออกเพื่อรับผิดชอบทันที

ทั้งนี้ พล.ต.ต.เอกรักษ์ ลิ้มสังกาศ รอง เลขาฯ ปปง. เผยว่า วันนี้มาแจ้งความดําเนินคดีแค่คุณอัจฉริยะเพียงคนเดียว ส่วนทนายตั้มเอาไว้ทีหลัง ซึ่งข้อหาที่แจ้งในวันนี้คือ  "หมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา และกฎหมาย PDPA" พร้อมกับเรียกร้องค่าเสียหายจํานวนเงิน 10 ล้านบาท เพื่อนําเงินไปทําบุญล้างซวย