วันที่ 27 มีนาคม 2566 นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ให้เกียรติเป็นประธานในงานส่งเสริมการท่องเที่ยวโครงการ Worldwide Online Platform โดยมี นายธเนศวร์ เพชรสุวรรณ รองผู้ว่าการด้านตลาดเอเชียและแปซิฟิกใต้ ททท. นายออมรี มอร์เกนสเติร์น ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Agoda ดร.เชอรี่ หวง ผู้จัดการทั่วไป ฝ่ายธุรกิจระหว่างประเทศ Ant Group (Alipay) ประจำภูมิภาคเอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นายเอริค น็อก ฟาห์ ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท Klook Travel Technology จำกัด นางสาวแบลร์ เฉิง ผู้อำนวยการฝ่ายพันธมิตรทางธุรกิจ Global KKDay เข้าร่วมงานในครั้งนี้
ทั้งนี้ นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า จากสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในช่วง 2-3 ปี ที่ผ่านมา ได้เร่งการเติบโตของ Digital Platform ส่งผลให้มูลค่าการซื้อสินค้าและการใช้จ่ายผ่านช่องทางออนไลน์ เติบโตขึ้นแบบก้าวกระโดด และเริ่มพัฒนาสู่การเป็นสังคมแบบไร้เงินสด (Cashless Society) จากผลการสำรวจของ Tofugear พบว่าโดยเฉลี่ยแล้วร้อยละ 45 ของผู้บริโภคทั่วเอเชีย วางแผนที่จะเพิ่มการใช้จ่ายออนไลน์ในช่วง 12 เดือนข้างหน้า การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวส่งผลต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยวและพฤติกรรมนักท่องเที่ยวในปัจจุบันให้มีการปรับเปลี่ยนไปใช้ช่องทางออนไลน์มากขึ้นเช่นกัน
โดยช่องทางออนไลน์ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญตั้งแต่ก่อนการออกเดินทาง การเริ่มวางแผนการเดินทาง การจองสายการบิน ที่พัก แหล่งท่องเที่ยว การหาข้อมูลระหว่างการเดินทาง และการแชร์ประสบการณ์การเดินทางท่องเที่ยว ภายหลังสิ้นสุดการเดินทาง ดังนั้น ททท. จึงให้ความสำคัญกับการตอบสนองต่อพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวที่เปลี่ยนแปลงไป และมุ่งสู่การยกระดับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยี ด้วยการร่วมมือกับ Worldwide Online Platform เครือข่ายพันธมิตรบนช่องทางดิจิทัล ทั้ง 4 Online Platform ได้แก่ Agoda KKDay Klook และ Alipay เพื่อจัดกิจกรรมส่งเสริมตลาดท่องเที่ยวร่วมกัน นับเป็นโอกาสที่ดีในการกระตุ้นให้เกิดการเดินทางมายังประเทศไทยของนักท่องเที่ยวต่างชาติ
ด้าน นายธเนศวร์ เพชรสุวรรณ รองผู้ว่าการด้านตลาดเอเชีย และแปซิฟิกใต้ ททท. กล่าวถึงวัตถุประสงค์ของโครงการว่า นอกจากการกระตุ้นให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวมายังประเทศไทยของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติแล้ว ยังก่อให้เกิดการกระจายรายได้จากการเพิ่มวันพำนักในประเทศไทย รวมถึงการใช้จ่ายระหว่างการเดินทาง และเร่งการใช้จ่ายผ่าน Online Platform โดยใช้ Soft Power (5F : Soft Power (5F: Food Fight Fashion Festival Film) และเศรษฐกิจชุมชน (BCG) เพื่อสร้างประสบการณ์เดินทางใหม่ที่มีความหมาย (Meaningful Travel) ดึงดูดนักท่องเที่ยวคุณภาพ ผ่านประสบการณ์ (Experience-based)
ซึ่งในส่วนของ Agoda จะจัดทำโปรโมชั่นและส่วนลดเพื่อส่งเสริมการขายในส่วนของที่พัก ช่วงเดือน เมษายน - กรกฎาคม 2566 ไปยังกลุ่ม Millennials กลุ่ม FIT กลุ่ม Leisure ในสิงคโปร์ ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ คาดว่าจะสร้างการรับรู้ผ่านสื่อออนไลน์ ไม่น้อยกว่า 3.5 ล้านคน/ครั้ง และมีรายได้จากการซื้อสินค้า ไม่น้อยกว่า 150 ล้านบาท
สำหรับ KKDay จะนำเสนอประเทศไทยผ่านมุมมองของ Sustainable Thailand จาก 2 โครงการ ในช่วงเดือนเมษายน – สิงหาคม 2566 ได้แก่ โครงการที่ 1 “Ride on the Songkran Festival” นำเสนอแหล่งท่องเที่ยวในพื้นที่กรุงเทพฯ และใกล้เคียง เพื่อดึงนักท่องเที่ยวให้กลับเข้าสู่ประเทศไทยในที่ที่คุ้นเคย โดยนำเสนอการเฉลิมฉลองเทศกาลสงกรานต์ โครงการที่ 2 “Ride on the World Ocean Day” ประชาสัมพันธ์ประเทศไทยเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำหรับกลุ่ม Water Sport และเพิ่มกิจกรรม Sustainable เข้าไปด้วย ซึ่งจะจัดในช่วง World Ocean Day วันที่ 8 มิถุนายน 2566 ณ เกาะสมุย-เกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานี โดยมีกลุ่ม Young Adults, Energetic และกลุ่มครอบครัว จากไต้หวัน ฮ่องกง เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น ที่ชอบค้นหาประสบการณ์ใหม่ๆ และมองหา One Stop Service Travel Solutions เช่น โรงแรม แหล่งท่องเที่ยว กิจกรรมสร้างสรรค์ประสบการณ์ เวิร์คชอป และกิจกรรมทางวัฒนธรรม ร้านอาหาร คาดว่าจะสร้างการรับรู้ผ่านสื่อออนไลน์ไม่น้อยกว่า 6 ล้านคน/ครั้ง เกิดการซื้อสินค้าไม่น้อยกว่า 186,000 ยอดซื้อ
ขณะที่ Klook จะจัดทำโปรโมชั่นและส่วนลดส่งเสริมการท่องเที่ยวไทย โดยสนับสนุนกิจกรรมที่กระตุ้นให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสกับ Soft Power (5F) เพื่อสร้างประสบการณ์เดินทางใหม่ที่มีความหมาย ดึงดูดนักท่องเที่ยวคุณภาพ ผ่านประสบการณ์การท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็น สวนน้ำสวนสนุก ทัวร์ดำน้ำ ทัวร์ชมแหล่งประวัติศาสตร์ บริการเช่ารถ บริการรับส่งจากสนามบิน ร้านอาหาร สปา เป็นต้น และสร้างการรับรู้แหล่งท่องเที่ยวและกิจกรรมที่ตอบโจทย์ตรงใจกลุ่มเป้าหมาย รวมทั้งนำเสนอผลิตภัณฑ์และกิจกรรมการท่องเที่ยวท้องถิ่นให้กับผู้ใช้บริการ ได้แก่ กลุ่ม Millennials กลุ่ม FIT กลุ่ม Leisure จากไต้หวัน ฮ่องกง มาเลเซีย อินโดนีเซีย สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ และ อินเดีย คาดว่าจะสร้างยอดการจองกิจกรรมไทยได้ไม่ต่ำกว่า 500,000 กิจกรรม และสร้างการรับรู้ได้ไม่ต่ำกว่า 50,000,000 การรับรู้
นอกจากนี้ ยังมี Alipay ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มชำระเงินและไลฟ์สไตล์ออนไลน์ จะนำเสนอส่วนลดให้กับนักท่องเที่ยวผู้ใช้จ่ายผ่าน Alipay สำหรับการซื้อสินค้าในประเทศไทย เนื่องจาก Alipay มีพันธมิตรร้านค้า (merchants) ในประเทศไทยมากกว่า 550,000 ร้านค้า โดยมีกลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ Millennials (อายุไม่เกิน 40 ปี) กลุ่มสตรีที่รักการช้อปปิ้งและ Dinning จากตลาดจีน ซึ่งคาดว่าจะสร้างรายได้ประมาณ 200 ล้านบาท โดย Ant Group จะใช้ช่องทาง Alipay+ D-storeTM ให้ธุรกิจไทยรายย่อยสามารถสร้างดิจิทัล สโตร์เพื่อเข้าถึงและดึงดูดนักท่องเที่ยวผ่านดิจิทัล แพลตฟอร์มได้อีกด้วย
ทั้งนี้ ททท. มุ่งหวังว่า ความร่วมมือกับ Worldwide Online Platform ในครั้งนี้ จะช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่นักท่องเที่ยว และเป็นส่วนสำคัญในการนำเสนอการท่องเที่ยวเชิงประสบการณ์ที่ทรงคุณค่าและยั่งยืนแก่กลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพ เพื่อสร้างประสบการณ์เดินทางท่องเที่ยวครั้งใหม่ที่มีความหมาย ตลอดจนเร่งการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยให้ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไปสู่การเติบโตอย่างยั่งยืนต่อไป