จากกรณี "ทนายตั้ม" ปม "แฉไป ไถไป" ต่อมาทาง ชูวิทย์ ได้ชี้แจงทุกประเด็นที่สังคมยังสงสัย พร้อมทั้งถามกลับ "ไปรับงานจากใครมาโจมตีผม" พร้อมยืนยันไม่เคยรับเงิน 50 ล้านบาท ตามที่นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุด นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ อดีตนักการเมืองชื่อดัง โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กระบุว่า คนสีเทา ผมนั้นเป็นคนสีเทา และไม่เคยเปลี่ยน หรืออันที่จริงแก่เกินไปที่จะเปลี่ยน ผมไม่ใช่คนดี หรือเป็นสุจริตชนแต่อย่างใด แต่เมื่อบ้านเมืองเป็นสีเทา การใช้คนสีเทาอย่างผมจัดการเรื่องเทาๆ แล้วมันก็มีคนใช้วิธีการสีเทาคิดจะจัดการผม
ยอมรับตรงๆ เหมาะสมดี ชอบครับ ผมไม่มีต้นทุน หรือติดลบด้วยซ้ำ คนรบกับผมต้องเหนื่อยหน่อย อย่างทนายตั้ม หรือนายสันธนะที่ออกมาในจังหวะกำลังร้อนแรง ผมชอบแลก เพราะไม่มีอะไรเสีย ผมไปสุดเสมอ เมื่อแรงมาก็แรงกลับ ตาต่อตา ฟันต่อฟัน หากจะเรียกผมว่า “โจร” คงผิด ต้องเรียกผมว่า “มหาโจร”
เป็นโจร ย่อมรู้ใจโจร ชั้นเชิงเล่ห์เหลี่ยมต้องทันโจร บางเรื่องผมก็ไม่สามารถเปิดเผยได้ เรื่องคงตายไปกับผม เพราะผมก็มี “จรรยาโจร”
ปัญหาจึงไม่ได้อยู่ที่โจรอย่างผม แต่อยู่ที่คนแกล้งทำตัวขาว แสร้งทำดี ดูเหมือนคนดี แต่แท้จริงแล้วมันคนเลวหลบใน ผมไม่เล่นเกม “โปลิสจับขโมย” กับเด็กวานซืนอย่างตั้ม ที่ไปนั่งตอบทีละนิด โต้ทีละหน่อย เพื่อลากกระแสสื่อไปวันๆ โดยไม่มีอะไรที่เป็นประโยชน์ จะทำอะไรกับคนอย่างผมได้?
สังคมไทย “ฮีโร่” ตายไปหมดแล้วครับ
ตอนนี้มีแต่โจรอย่างผมนี่แหละครับ ที่จะยังเปิดหน้าสู้อยู่ ขึ้นต้นเป็น “ทนายประชาชน” แต่ลงท้ายอย่าเป็น “ทนายโจร” ก็แล้วกัน หรือหากอยากเป็นโจร ก็ยอมรับแบบผมเลยว่าเป็นโจรล่าสุด ปปง. จะตรวจสอบผม ชอบครับ เพราะก็คนในนี้ล่ะครับ ไม่ได้ไกลที่ไหนเลย ห่างกันแค่ไม่กี่โต๊ะ
อย่างไรก็ตามภาย หลังนายชูวิทย์โพสต์ประเด็นนี้ออกไป มีชาวโลกออนไลน์เข้ามาแสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมาก ขณะที่่เพจเฟซบุ๊ก ษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ เข้าไปคอมเม้นท์ระบุว่า... เด็กวานซืนเปิดทีละนิดอย่างผม ทำคนแก่ประสบการณ์สูงติดหล่มยิ่งกว่าลิงแก้แหได้ แบบนี้พี่จะเรียกผมว่า ทนายโจร ผมก็พร้อมน้อมรับครับ”