จากกรณีนายหม่า (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 33 ปี นักธุรกิจชาวจีน เข้าแจ้งความกับตำรวจ สภ.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ว่าภรรยาสัญชาติเดียวกัน น.ส.เซิน (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 33 ปี และนายเหยียน (ขอสงวนนามสกุล) พี่ชาย ถูกชายฉกรรจ์ชาวจีนไม่ทราบจำนวน ก่อเหตุลักพาตัวไป เรียกค่าไถ่เป็นเงิน 1 ล้านหยวน คิดเป็นเงินไทย 4.7 ล้านบาท เพื่อแลกกับการปล่อยตัว เหตุเกิดภายใน ซอยพรประนิมิตร 21 ม.2 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตรวจพบ พิกัดลองจิจูดทางโทรศัพท์คนร้าย 12.770967,101.052945 ซึ่งมีพิกัดตั้งอยู่กลางภูเขายายร้า ต.บ้านฉาง อ.บ้านฉาง จ.ระยอง ห่างจากจุดก่อเหตุลักพาตัวประมาณ 40 กม. จนกระทั่งไปพบถึงจุดต้องสงสัยที่คนร้ายมีการส่งพิกัดขู่สามีของเหยื่อตัวประกัน แต่พบเพียงเชือกไนล่อนสีขาว ยาวประมาณ 3 เมตร ถูกสีกับต้นไม้จนขาด 2 ท่อน และ ถุงขนมช็อกโกแลต จำนวน 11 ห่อ แต่ไม่พบตัวประกันแต่อย่างใด แต่เจ้าหน้าที่ยังคงเดินหน้าค้นหาตัวประกันอย่างต่อเนื่อง โดยหวังว่าเหยื่อตัวประกันยังมีชีวิตอยู่อย่างไรก็ตามต่อมาได้รับรายงานจากเจ้าหน้าที่ชุดที่ดูแลความปลอดภัย ของบ้านพักในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ม.7 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ซึ่งเป็นบ้านของผู้เสียหาย ปรากฏว่ามี 2 ชาวจีน เป็นชาย 1 คน และผู้หญิง 1 คน เดินกลับมาที่บ้าน และทราบภายหลังว่าคือ น.ส.เซิน และนายเหยียน สองตัวประกันที่ถูกจับตัวไป ก่อนถูกคนร้ายปล่อยตัวกลับมาในสภาพอิดโรย หิวโซ เนื้อตัวมอมแมม โดยทั้งคู่พูดภาษาไทยไม่ได้ โดยมี นายหม่า สามีวิ่งโผเข้าสวมกอดทันที
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำรถยนต์ มิตซูบิชิ ปาเจโร่ สีเทาดำ ทะเบียน กทม. ที่คนร้ายนำไปจอดไว้ที่อาคารจอดรถ ท่าอากาศยานสนามบินสุวรรณภูมิ กลับมาตรวจสอบเพิ่มเติม ซึ่งพบว่านำมาจอดเพื่อเตรียมบินหนีออกนอกประเทศ โดยตำรวจมีการขออนุมัติศาลจังหวัดพัทยา ออกหมายจับชาวจีนแล้ว 2 คน คือ นายอู๋ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 29 ปี และนายเฉิน (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 33 ปี ในข้อกล่าวหากรรโชกทรัพย์ และกักขังหน่วงเหนี่ยวโดยใช้กำลังประทุษร้าย ซึ่งทั้งคู่ใช้จุดเชื่อมโยงในการนำพาสปอร์ตไปเช่ารถและเปิดโรงแรมย่านจอมเทียน ซึ่งขณะนี้ เป็นที่ยืนยันแล้วว่า 2 ใน 4 คนร้ายชาวจีน ถูกตำรวจควบคุมตัวได้แล้ว ที่ สภ.หนองปรือ พร้อมกับคลิปจากกล้องหน้ารถของพลเมืองดีที่สามารถจับภาพขณะที่คนร้ายลงมือก่อเหตุได้อย่างชัดเจน
ล่าสุด วันที่ 24 มี.ค.66 พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.ได้เดินทางมาติดตามความคืบหน้าของคดี เนื่องจากเป็นเคสของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ซึ่งอาจจะมีเรื่องของธุรกิจที่ขัดประโยชน์กันแต่ยังไม่ตัดประเด็นอื่นๆออกไป ก่อนเปิดเผยว่า ได้มอบหมายคดีนี้ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรภาค 2 และ ตำรวจด่านตรวจคนเข้าเมือง รวม ทั้งตำรวจท่องเที่ยว ดำเนินการด้วยความรวดเร็วและถูกต้องจนกระทั่งสามารถจับกุมผู้ต้องหาชาวจีนได้จำนวน 1 รายคือ นายอู๋ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 29 ปี ชาวเมืองหนานหนิง ประเทศจีน โดยจับกุมได้ที่ ท่าอากาศยานสนามบินสุวรรณภูมิ ขณะขับรถยนต์ มิตซูบิชิ ปาเจโร่ สีเทาดำ ทะเบียน กทม. ไปจอดที่สนามบิน แล้วเตรียมบินหนีเผ่นกลับประเทศบ้านเกิด ขณะเพื่อนร่วมแก๊งค์อีก 3 ราย ได้แก่ นายเฉิน (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 33 ปี นายเฉิน (ขอสงวนนามสกุล) และนายชิน (ขอสงวนนามสกุล) สามารถหลบหนีออกนอกประเทศไปได้
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวต่อไปว่า คดีนี้ถือว่ามีความสำคัญเป็นอย่างมาก เพราะที่ผ่านมาจะมีคดีแค่เรื่อง Over Stay เท่านั้น แต่คดีการจับตัวเรียกเงินค่าไถ่ถือเป็นคดีที่อุกอาจที่ทำในพื้นที่เมืองท่องเที่ยวหลักอย่างเมืองพัทยาซึ่งอาจทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์และความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของนักท่องเที่ยว ปัจจุบันทางเจ้าหน้าที่จับกุมผู้ร่วมขบวนการเป็นชาวจีนได้แล้ว 1 รายขณะเตรียมตัวหลบหนีออกนอกประเทศ ขณะที่คนในแก๊งค์อีก 3 รายที่หลบหนีออกนอกประเทศไปได้นั้นได้มอบหมายมีการประสานงานกับฑูตของประเทศจีน เพื่อขอรับความร่วมมือในการออกหมายจับคดีแดงหรือหมายจับ “อินเตอร์โพล” และส่วนตัวจะเดินทางไปยังประเทศจีนเพื่อติดตามคดีนี้เช่นกัน
เมืองพัทยาถือเป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีนักท่องเที่ยวหลายสัญชาติจำนวนมาก จึงมีหลายหน่วยงานต้องคอยกำกับดูแลให้ทั่วถึงเพื่อสร้างมาตรฐานด้านการท่องเที่ยว อาทิ ตำรวจก็ดูแลเรื่องคดีอาชญากรรมในพื้นที่ ตำรวจท่องเที่ยวก็รับบทบาทในการดูแลนักท่องเที่ยวต่างชาติเป็นหลัก ส่วน ตม.ชลบุรี ก็ต้องดูแลในส่วนการเดินทางเข้าออก หรือพำนักในพื้นที่ ที่ต้องมีการทำประวัติและตรวจสอบได้โดยสะดวก ซึ่งทั้งหมดต้องทำงานแบบบูรณาการและประสานร่วมกันจึงจะเกิดผลสัมฤทธิ์ แต่ถ้าเกิดปัญหาที่มีจากความรับชอบของหน่วยงานใด หรือมีส่วนไปพัวพันก็ต้องรับผิดชอบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้