นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พลังงาน กล่าวถึงค่าไฟงวดใหม่ 4.77 บาทต่อหน่วย ระหว่างเดือนพฤษภาคมถึงสิงหาคม 2566 ว่า เป็นไปตามกติกาเนื่องจากค่าไฟงวดเดือนมกราคมถึงเดือนเมษายน 2566 เป็นช่วงพีกสูงสุดของราคาแก๊สที่ประเมินไว้ จึงจำเป็นต้องทำในลักษณะชั่วคราว โดยดูแลประชาชนก่อน ส่วนภาคอุตสาหกรรมก็ต้องแบกรับภาระไปบางส่วน ดังนั้นงวดถัดไป (พ.ค.-ส.ค. 66) ก็ต้องกลับมาเท่ากัน
ส่วนการที่ประชาชนมองว่าต้องมาแบกรับภาระค่าไฟฟ้าเท่าภาคอุตสาหกรรม นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวว่า เดิมก่อนงวดเดือนมกราคม-เมษายน 66 ประชาชนกับภาคอุตสาหกรรมค่าไฟฟ้าเท่ากัน แต่ในช่วงมกราคมถึงเมษายน 66 เป็นช่วงที่ต้องให้ภาคอุตสาหกรรมค่าไฟฟ้าแพงกว่า ประชาชนยังไม่ได้รับผลกระทบ
"ในหลักการและโครงสร้างในอดีตควรจะเท่ากัน แต่ในช่วงฉุกเฉิน ภาวะวิกฤต เรามองแล้วว่าช่วงเวลานั้นสูงจริง ๆ ก็ต้องให้ภาคอุตสาหกรรมรับไป แต่ถ้าต้องให้ภาคอุตสาหกรรมแบกภาระอย่างนี้ต่อไป ประชาชนใช้ถูก ๆ ก็จะกลับไปเหมือนประเทศอื่นๆ อุตสาหกรรมแข่งขันไม่ได้ ความสามารถในการแข่งขันไม่ได้ก็จะออกมาในรูปของราคาสินค้า ผลพวงก็มาถึงประชาชนอยู่ดี"
อย่างไรก็ตามระยะนี้สถานการณ์ราคาพลังงานเริ่มอ่อนตัวลงและราคาค่าไฟฟ้าในงวดหน้าจะไม่ก่อภาระเพิ่มเติมให้ประชาชนและไม่เพิ่มภาระให้ภาคอุตสาหกรรมเหมือนในอดีต เข้าสู่สภาพเดิมและมีแนวโน้มลดลงเรื่อย ๆ ไปจนถึงสิ้นปี ซึ่งต้นปีหน้าก็จะดีขึ้น