ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ พรอสเพค โลจิสติกส์และอินดัสเทรียล หรือ “PROSPECT REIT” ประกาศพร้อมนำหน่วยทรัสต์เพิ่มทุนจำนวน 130,000,000 หน่วย เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย วันที่ 27 มี.ค.นี้ มั่นใจโครงการบางกอกฟรีเทรดโซน 2 (BFTZ 2) ถนนเทพารักษ์ และโครงการบางกอกฟรีเทรดโซน 3 (BFTZ 3) ถนนบางนา-ตราด กม.19 ทรัพย์สินคุณภาพสูง บนทำเลทองโลจิสติกส์ โซนบางนา-ตราด ที่เข้าลงทุนเพิ่มเติมนั้น จะช่วยเพิ่มศักยภาพและความมั่นคง เพื่อการเติบโตที่ยั่งยืนของกองทรัสต์

นางสาวอรอนงค์ ชัยธง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พรอสเพค รีท แมเนจเมนท์ จำกัด ในฐานะผู้จัดการกองทรัสต์ PROSPECT REIT กล่าวว่า “PROSPECT REIT ได้เข้าลงทุนในทรัพย์สินที่มีศักยภาพทั้ง 2 โครงการเรียบร้อยแล้ว เตรียมนำหน่วยทรัสต์เพิ่มทุนเข้าเทรด ในวันที่ 27 มีนาคม 2566 นี้ และถึงแม้ว่าจะอยู่ในช่วงสถานการณ์ปัญหาสถาบันการเงินฝั่งสหรัฐอเมริกาและยุโรปจนเกิดความกังวลของนักลงทุนอยู่บ้าง ก็ยังได้รับความไว้วางใจจากนักลงทุนตอบรับการจองซื้อ โดยเราเชื่อมั่นว่า 2 โครงการที่เข้าลงทุน เป็นทรัพย์สินที่มีคุณภาพสูงจากสปอนเซอร์หลักที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญมาอย่างยาวนานในการพัฒนาและบริหารโครงการโรงงานและคลังสินค้าให้เช่า จะสามารถเติบโตได้ทุกสถานการณ์และสร้างผลตอบแทนที่ดีอย่างสม่ำเสมอให้แก่ผู้ถือหน่วย อีกทั้งช่วยเสริมเสถียรภาพของ PROSPECT REIT ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ทั้งด้านมูลค่าสินทรัพย์รวมและรูปแบบการลงทุนแบบกรรมสิทธิ์ (Freehold) ในสัดส่วนที่เพิ่มขึ้น”

โดบทั้ง 2 โครงการที่ PROSPECT REIT เข้าลงทุน ถือเป็นโครงการสร้างใหม่ที่มีคุณภาพสูง โดยมีที่ตั้งยุทธศาสตร์ในศูนย์กลางอุตสาหกรรมและโลจิสติกส์ของไทย ส่วนที่เข้าลงทุนในโครงการ BFTZ 3 เป็นพื้นที่ Free Zone หรือ เขตปลอดอากรทั้งหมด อีกทั้งอาคารโฉมใหม่มีความสามารถที่จะรองรับธุรกิจโลจิสติกส์ขนาดใหญ่ขึ้น พร้อมตอบโจทย์การขยายตัวของอีคอมเมิร์ซและสัญญาณบวกจากภาคอุตสาหกรรมการผลิต และการนำเข้า-ส่งออก ด้วยศักยภาพเหล่านี้ ทำให้โครงการทั้ง 2 โครงการ มีดีมานด์จากผู้ประกอบการที่สนใจเข้ามาใช้พื้นที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้นับตั้งแต่การก่อตั้งในปี 2563 PROSPECT REIT มีอัตราการเช่าที่แข็งแกร่งและสร้างผลตอบแทนที่ดีมาอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2565 ได้จ่ายผลตอบแทนรวมทั้งสิ้น 0.9025 บาทต่อหน่วย ด้วยอัตราการเช่าสูงกว่า 93% และอัตราต่อสัญญาเฉลี่ยกว่า 97% สำหรับผลตอบแทน (First Year Yield) ภายหลังการเพิ่มทุนครั้งนี้ คาดการณ์ว่าจะสูงกว่า 9% (ณ ราคาเสนอขาย 9.00 บาทต่อหน่วยทรัสต์) ซึ่งถือว่าเป็นผลตอบแทนที่ค่อนข้างสูง ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจผันผวนในปัจจุบัน จึงเป็นทางเลือกการลงทุนที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนที่ต้องการกระจายความเสี่ยงในพอร์ต และในส่วนของมูลค่าสินทรัพย์รวมตามงบการเงินของกองทรัสต์จะเพิ่มขึ้นเป็น 5,338 ล้านบาท ทางกองทรัสต์ก็ยังคงเดินหน้ากลยุทธ์การบริหารจัดการที่มุ่งลงทุนในทรัพย์สินคุณภาพ ตามเป้าหมายที่จะขยายมูลค่าสินทรัพย์รวมสู่ 10,000 ล้านบาทภายในปี 2567 ต่อไป

โดยผู้จัดการกองทรัสต์มีกำหนดการนำหน่วยทรัสต์เพิ่มทุนจำนวน 130,000,000 หน่วย เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย วันที่ 27 มีนาคม 2566 สามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมและข่าวสารความเคลื่อนไหวของ PROSPECT REIT ได้ทาง https://www.facebook.com/ProspectRM