*พรูเด็นเชียล ประเทศไทย และ พรูเด็นซ์ ฟาวน์เดชัน จับมือ ยูนิเซฟ ประกาศความร่วมมือครั้งแรก ส่งเสริมให้เด็กไทยช่วงปฐมวัยมีสุขภาวะที่ดีในทุกมิติ เพราะคือรากฐานสำคัญสู่อนาคต*

*กรุงเทพฯ 23 มีนาคม 2566* – พรูเด็นเชียล ประเทศไทย หนึ่งในบริษัทประกันชีวิตชั้นนำ และ พรูเด็นซ์ ฟาวน์เดชัน องค์กรการกุศลของกลุ่มบริษัทพรูเด็นเชียล จับมือ องค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย ประกาศความร่วมมือเป็นครั้งแรก เพื่อร่วมผลักดันและสร้างความตระหนักรู้ให้กับสังคมไทยผ่าน “โครงการพัฒนาเด็กปฐมวัย (Early Childhood Development: ECD)” เป็นระยะเวลา 18 เดือน ด้วยเล็งเห็นว่า เด็กปฐมวัยซึ่งมีอายุตั้งแต่ 0-6 ปี เป็นช่วงวัยที่ควรได้รับการเลี้ยงดูและส่งเสริมพัฒนาการเป็นพิเศษในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็น อารมณ์ สังคม สติปัญญา และ จิตใจ เนื่องจากสมองเด็กช่วงวัยดังกล่าวจะมีพัฒนาการอย่างรวดเร็วและมีการเติบโตที่สูงกว่าเมื่อเทียบกับวัยอื่นๆ   ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นของการวางรากฐานสำหรับการเจริญเติบโตและการเรียนรู้ของเด็กในช่วงวัยต่อไปในอนาคต จากความร่วมมือครั้งนี้ คาดหวังว่า จะช่วยให้คนไทยได้มีความรู้ความเข้าใจและเอาใจใส่เด็กในช่วงปฐมวัยมากขึ้น

*นายบัณฑิต เจียมอนุกูลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พรูเด็นเชียล ประกันชีวิต (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ พรูเด็นเชียล ประเทศไทย* กล่าวว่า “พรูเด็นเชียลฯ ยึดมั่นในการเป็นบริษัทประกันที่พร้อมจะช่วยเหลือคนไทยให้ไปถึงจุดมุ่งหมายสูงสุดในชีวิต บริษัทฯตอกย้ำเสมอว่า จะไม่มีครอบครัวใดถูกทอดทิ้งไว้ข้างหลัง เราต้องการสร้างอนาคตของชาติที่เข้มแข็ง ดังนั้น พรูเด็นเชียลฯ และพรูเด็นซ์ ฟาวน์ เดชัน จึงได้จับมือกับ องค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย โดยหนึ่งในงานที่สำคัญของยูนิเซฟ คือ การผลักดันและสร้างความตระหนักรู้ให้สังคมไทยมีความตื่นตัวเกี่ยวกับการส่งเสริมพัฒนาการเด็กในช่วงปฐมวัยหรือเด็กเล็กตั้งแต่วัย 0-6 ปี  บริษัทฯ มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของความร่วมมือครั้งนี้ เพื่อร่วมผลักดันและวางรากฐานให้กับอนาคตของชาติที่จะเติบโตไปเพื่อสร้างสังคมไทยที่แข็งแรง พรูเด็นเชียลฯ ประเทศไทย พร้อมที่จะร่วมมือพันธมิตรและเครือข่ายทางธุรกิจที่แข็งแกร่งของเราในการทำงานร่วมกับองค์การยูนิเซฟ เพื่อจุดประกายให้สังคมไทยมีความตระหนักรู้เกี่ยวกับการส่งเสริมพัฒนาของเด็กปฐมวัย อันถือเป็นก้าวแรกสู่ก้าวที่สำคัญในอนาคต”

ความร่วมมือครั้งนี้ ได้รับการสนับสนุนด้านทุนทรัพย์จากพรูเด็นซ์ ฟาวน์เดชัน (Prudence Foundation) องค์กรการกุศลของกลุ่มบริษัทพรูเด็นเชียลในภูมิภาคเอเชียและแอฟริกา ที่ได้ร่วมมือกับองค์การยูนิเซฟนับตั้งแต่ปีที่แล้ว เพื่อทำการศึกษาเกี่ยวกับการดูแลเด็กปฐมวัย (Nurturing Care) ใน 4 ประเทศ คือ กัมพูชา อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และประเทศไทย เพื่อวางโรดแมปในการดูแลเด็กในปฐมวัยอย่างเป็นรูปธรรม

*นายมาร์ค แฟนซี ผู้อำนวยการบริหารพรูเด็นซ์ ฟาวน์เดชัน* กล่าวว่า "พรูเด็นซ์ ฟาวน์เดชัน มุ่งหวังที่จะสร้างอนาคตที่ดีกว่าให้กับชุมชน ช่วยให้พวกเขาได้ฟื้นตัวได้เมื่อต้องเผชิญกับความเสี่ยงต่าง ๆ เด็กทุกคนต้องได้รับโอกาสที่จะเติบโต พัฒนา เรียนรู้ และเติมเต็มศักยภาพของตนเอง โดยเราตั้งเป้าหมายว่าความร่วมมือกับยูนิเซฟจะช่วยให้เด็ก ๆ ได้เติมเต็มศักยภาพของพวกเขาด้วยการมอบการเริ่มต้นที่ดีที่สุดในชีวิต"

*นางคยองซอน คิม ผู้อำนวยการองค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย* กล่าวว่า "สุขภาพ การเลี้ยงดูอย่างเอาใจใส่ การปกป้องคุ้มครอง และการกระตุ้นพัฒนาการ เป็นพื้นฐานของการพัฒนาสมองและการพัฒนาเด็ก ซึ่งเด็กในวันนี้คือผู้สร้างและผู้พัฒนาสังคมของวันพรุ่งนี้ การพัฒนาเด็กปฐมวัยถือเป็นภารกิจหลักของยูนิเซฟในประเทศไทย เราทำงานร่วมกับพันธมิตรทุกภาคส่วนเพื่อผลักดันให้เกิดการลงทุนในเด็กเล็ก ตลอดจนการส่งเสริมให้มีนโยบายและโครงการต่าง ๆ  ที่จะช่วยพัฒนาเด็กในช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดของชีวิต โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กกลุ่มเปราะบาง โดยการแก้ปัญหาความยากจนและความเหลื่อมล้ำต้องเริ่มจากการพัฒนาเด็กในช่วงขวบปีแรก ๆ วันนี้ยูนิเซฟยินดีที่ได้ลงนามความร่วมมือกับพรูเด็นซ์ ฟาวน์เดชัน และ พรูเด็นเชียล ประเทศไทย เพื่อช่วยให้พ่อแม่ผู้ปกครองและผู้ดูแลเด็กเข้าถึงทรัพยากร บริการ และความรู้ที่จะเอื้อหนุนให้ลูกได้เริ่มต้นชีวิตอย่างดีที่สุด"

การพัฒนาเด็กปฐมวัย ยังเป็นหนึ่งในเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ (The United Nation Sustainable Development Goals: SDGs) ซึ่งตั้งเป้าหมายไว้ว่า ภายในปีพ.ศ. 2573 เด็กเล็กทุกคนจะต้องสามารถเข้าถึงการพัฒนา การดูแล และการศึกษาก่อนวัยเรียนที่มีคุณภาพ  ทั้งนี้ เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาตินี้ ชี้ให้เห็นว่าการส่งเสริมการพัฒนาเด็กปฐมวัยเป็นหนึ่งในการลงทุนที่สำคัญที่สุดที่ประเทศต่าง ๆ และครอบครัวต้องให้ความสำคัญ เพื่อเป็นการวางรากฐานสำหรับสุขภาพ ความเป็นอยู่ที่ดี และความสำเร็จของคนรุ่นต่อไปในอนาคต ซึ่งส่งผลดีในระยะยาวไม่เพียงแต่สำหรับเด็กเท่านั้นแต่ยังรวมถึงสังคมโดยรวมอีกด้วย