นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ปาฐกถาพิเศษในงานสัมมนาเศรษฐกิจประจำปี 2566 TEA Annual Forum 2023 “ถึงเวลา! ก้าวสู่ทรงใหม่ไทยแลนด์” จัดโดยสมาคมเศรษฐศาสตร์ธรรมศาสตร์ว่า ในช่วงรอยต่อระหว่างรอการเลือกตั้งยังมีหลายมาตรการเดิมคอยเติมกำลังซื้อ ช่วยพยุงเศรษฐกิจ จนกว่าจะมีรัฐบาลใหม่ ทั้งเรื่องบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เราเที่ยวด้วยกัน การลดภาษีน้ำมันดีเซลต่อเนื่องถึงเดือนส.ค.66
โดยในระหว่างรอรัฐบาลชุดใหม่ เข้ามาปรับปรุงปฏิทิน ขั้นตอนจัดทำงบประมาณรายจ่ายปี 2567 รัฐบาลสามารถใช้การเบิกจ่ายงบประมาณไปพลางก่อน โดยเฉพาะการเบิกจ่ายงบประจำ เช่น เงินเดือนข้าราชการ ส่วนงบผูกพันเหลื่อมปีให้เร่งรัดส่วนราชการเบิกจ่ายตามที่ยืดระยะเวลาให้ในโครงการสำคัญถึงสิ้นเดือนก.ย.66 หลังจาก ครม.ได้เห็นชอบกรอบงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 วงเงิน 3.35 ล้านล้านบาท แบ่งเป็นรายจ่ายประจำ 2.49 ล้านล้านบาท รายจ่ายลงทุน 717,199 ล้านบาท ขาดดุลงบประมาณ 5.93 แสนล้านบาทล้านบาท คาดการณ์รายได้รัฐบาล 2.757 ล้านล้านบาท มองว่านโยบายการคลังด้านงบประมาณจะไม่มีปัญหา
ทั้งนี้ได้หารือกับ ธปท.เกี่ยวกับปัญหาเศรษฐกิจสหรัฐ และสถาบันการเงินยุโรป ไม่มีการเชื่อมโยงโดยตรงกับธนาคารของไทยมากนัก อีกทั้งสถานะระบบธนาคารของไทย ยังมั่นคงแข็งแรง ทั้งการประกันเงินฝากกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS) ยอดหนี้ NPL ของระบบยังไม่สูง ตัวเลขทุกอย่างอยู่ในเกณฑ์กำหนด ธปท. มีระบบกำกับดูแลที่แข็งแกร่ง สถาบันการเงินของไทยจึงมั่นคงรองรับปัญหาจากภายนอกได้ในขณะนี้
ดร.กิริฎา เภาพิจิตร ผู้อำนวยการโครงการวิเคราะห์เศรษฐกิจเชิงลึก ทีดีอาร์ไอ กล่าวว่า พื้นฐานเศรษฐกิจไทยยังมีความเข้มแข็ง ทุนสำรองระหว่างประเทศ ติดอันดับสูงสุดอันดับ 15 ของโลกจึงไม่เหมือนกับหลายประเทศที่เจอปัญหาวิกฤติ อัตราดอกเบี้ยของไทย ยังต่ำเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน อัตราเงินเฟ้อเริ่มลดลง ดังนั้น เศรษฐกิจมหภาคค่อนข้างแข็งแกร่ง ระบบสถาบันการเงินไทย สามารถรองรับวิกฤติต่างๆอาจกระทบเข้ามาได้ในขณะนี้ ในส่วนรายย่อย และเอสเอ็มอียังมีปัญหาต้องเข้ามาดูแลอย่างใกล้ชิด