แม่ค้าขายกาแฟ อ.ลำปลายมาศ ถึงกับเข่าทรุดอยู่ดีๆได้รับหมายศาลจากตลิ่งชัน มาปิดหน้าบ้านร่วมกับพวกรวม 6 คน ในคดีเช็ค เจ้าตัวงงไม่เคยไปกู้เงินนอกระบบ ไม่เคยจ่ายเช็ค ที่ให้กับชายอ้างว่าเป็นทนายจะช่วยเคลียร์ธนาคารให้ เมื่อ 4 ปีที่ผ่านมา พบลายเซ็นต์ปลอมทั้งหมด เชื่อเป็นนักวิ่งเต้นแล้วเอาเอกสารเก่าไปกู้นอกระบบ เตรียมฟ้องกลับ
วันที่ 21 มี.ค.66 ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านในเขตพื้นที่ ต.บ้านยาง อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ ว่าถูกมิจฉาชีพมาอีกหนึ่งรูปแบบ และคาดว่าน่าจะเอาเอกสารเก่าไปปลอมลายเซ็นแล้วไปกู้เงินนอกระบบ อยากให้เป็นอุทาหรณ์ให้คนทั่วไปให้ระวัง
จากการตรวจสอบพบนางสาววรรณเพ็ญ อายุ 47 ปี อยู่หมู่ 13 ต.บ้านยาง อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ นำเอกสารเป็นหนังสือสัญญาเงินกู้ที่ถูกส่งมาให้พร้อมกับหมายศาลตลิงชัน กรุงเทพฯมาให้ดูเป็นหลักฐาน พร้อมกับเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้ฟังว่า เมื่อวันที่ 4 มี.ค.ที่ผ่านมา ได้มีหมายศาลอาญาตลิ่งชัน มาปิดป้ายไว้หน้าบ้าน เป็นคดีดำที่ อ 352/2566 ลงวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2566 มีนายสุรศักดิ์ อินทร์กำเนิด เป็นโจทก์ฟ้องความอาญา ผู้แจ้งกับพวกรวม 6 คนเป็นจำเลย ในจำนวนนี้มีตนรวมอยู่ด้วย ในความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค โดยหมายศาลระบุให้ไปพบศาลในวันที่ 29 เมษายน 2566
โดย นางสาววรรณเพ็ญ กล่าวว่า เห็นหมายศาลรู้สึกตกใจ เพราะไม่เคยมีเช็ค ไม่เคยกู้เงินนอกระบบ กระทั่งคิดได้ว่าเมื่อประมาณ 4 ปีที่ผ่านมา ได้มีคนรู้จักกันพาชายอีก 1 คน อ้างว่าเป็นทนาย รวมเป็น 2 คน ว่าจะสามารถเจรจากับธนาคารได้ หลังจาก ก่อนหน้านั้นได้ไปปรึกษาคนที่รู้จักว่า เอาเงินไปชำระหนี้กับธนาคารแต่ต้นไม่เคยลดลง
ตอนนั้นทั้งสองคนที่มาหาที่บ้าน บอกว่า พวกเขาสามารถวิ่งคดีได้ทุกเรื่อง กรณีนี้จะเอาเรื่องไปร้อง สคบ.เพื่อเรียกค่าเสียหายกับธนาคาร ที่ไม่ยอมตัดเงินต้นให้ น่าจะได้เงินค่าเสียหายมากกว่า 100,000 บาท หากได้เงินมาจะขอแค่ค่าดำเนินการเท่านั้น ตนจึงให้ เอกสารเป็นสำเนาทะเบียนบ้าน บัตรประจำตัวประชาชน สัญญาที่กู้ของธนาคาร ให้กับเขาไป ต่อมารู้สึกไม่ได้ผลจึงโทรศัพท์ขอเอกสารคืน แต่ไม่ได้คืนแล้วเรื่องก็เงียบไป และคิดว่าแค่เอกสารสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนกับสัญญากู้เงินของธนาคารคงจะทำอะไรไม่ได้จึงไม่ได้สนใจ จนกระทั่งเมื่อวันที่ 4 มีนาคม 66 ได้มีหมายศาลจากศาลอาญาตลิ่งชันมาปิดไว้หน้าบ้าน
ทั้งนี้ นางสาววรรณเพ็ญ กล่าวด้วยว่า จากการตรวจสอบในหมายศาล พบว่าตนกับพวกรวม 6 คน ทั้งหมดอยู่หลายจังหวัด มีทั้งในกรุงเทพฯ ภาคใต้ และอีสานคนตน กู้เงินทั้งหมดรวม 2 ล้านบาท ตอนนี้สามารถติดต่อผู้ถูกฟ้องได้คนเดียว เมื่อสอบถามหญิงสาวก็ไม่รู้เรื่องเช่นเดียวกัน ส่วนตัวเชื่อว่าชายทั้งสองคน น่าจะเอาเอกสารของตนไปซื้อสมุดเช็คธนาคาร แล้วเอาไปกู้เงินนอกระบบ หรืออาจจะสมมุติเจ้าหนี้ขึ้นมา แล้วแจ้งความเพื่อศาลเป็นคนออกหมายเรียก
ซึ่งหากว่าเราตกใจหรือหวาดกลัว อาจจะเข้าทางกลุ่มมิจฉาชีพกลุ่มนี้ เพื่อเข้ากระบวนการไกล่เกลี่ย เรียกเงินจากพวกตนก็เป็นได้ แต่ทั้งหมดไม่หวั่น เพราะลายเซ็นต์ในเช็คไม่ใช่ลายเซ็นต์ของตน และอาจจะมีการฟ้องกลับเพราะทำให้เสียหาย