นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยเปิดเผยว่า การเมืองไทยชัดเจนขึ้นหลังมีการยุบสภาเพื่อเลือกตั้งใหม่ ซึ่งจะทำให้นักลงทุนต่างชาติมีความเชื่อมั่นมากขึ้น และเมื่อคณะกรรมการเลือกตั้ง (กกต.) กำหนดวันเลือกตั้งจะทำให้ทุกอย่างเดินหน้าตามกรอบเวลาที่วางไว้ ซึ่งหลังการเลือกตั้งคาดว่าจะได้รัฐบาลผสมหลายพรรคการเมือง โดยภาคเอกชนหวังว่าเมื่อได้รัฐบาลใหม่แล้วจะเดินหน้าบริหารประเทศได้ทันที ส่วนนโยบายเร่งด่วนที่ภาคเอกชนต้องการให้รัฐบาลชุดใหม่ทำต่อเนื่อง โดยเฉพาะนโยบายด้านเศรษฐกิจทั้งโมเดลเศรษฐกิจหมุน BCG รวมถึงเดินหน้าเขตพัฒนาเขตเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) ต่อเนื่อง และยุทธศาสตร์ชาติที่เป็นนโยบายต่อเนื่องที่ต้องสานต่อ
ทั้งนี้คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน หรือ กกร.ยังยืนยันตัวเลขเศรษฐกิจไทยในปี 2566 ว่า จะขยายตัวอยู่ที่ร้อยละ 3.0-3.5 แม้ไทม์ไลน์เกี่ยวกับการเลือกตั้ง จะมีความชัดเจนมากขึ้น แต่สถานการณ์ยังคงไม่ต่างจากเดิมที่คาดการณ์ไว้ โดยยังต้องจับตาภาคการส่งออก เพราะมีปัจจัยเศรษฐกิจของสหรัฐฯเข้ามากดดัน ซึ่งมองว่าโอกาสของเศรษฐกิจไทยคือการเร่งลงทุนของภาครัฐและการค้าภายในภูมิภาค ซึ่งจะเป็นตัวเสริมจากภาคการท่องเที่ยวได้
โดยในวันที่ 30 มี.ค.66 สภาหอการค้าแห่งประเทศไทยร่วมกับภาคเอกชนจัดเวทีดีเบตนโยบายพรรคการเมืองที่มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย โดยเชิญพรรคการเมือง 10 พรรค มาร่วมแสดงความเห็น 10 ข้อด้านเศรษฐกิจที่ภาคเอกชนต้องการให้รัฐบาลใหม่ขับเคลื่อน เช่น ดิจิทัลทรานฟอร์มเมชั่น แรงงาน การดึงนักลงทุนต่างชาติ โดยหลังดีเบตเสร็จจะทำสมุดปกขาวมอบให้ 10 พรรค เพื่อเป็นข้อมูล ภาคเอกชนหวังว่าเมื่อเลือกตั้งเสร็จสิ้นแล้วก็จะตั้งรัฐบาลได้เร็ว ซึ่งภาคเอกชนเป็นห่วงเพราะหากได้รัฐบาลใหม่ช้าจะกระทบเศรษฐกิจไทย โดยเฉพาะการจัดสรรงบประมาณ นโยบายขับเคลื่อนเศรษฐกิจ เพราะสถานการณ์ปัจจุบันมีความเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว ถ้ามีรัฐบาลเร็วก็จะสามารถขับเคลื่อนประเทศ และตอบสนองต่อสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบันได้อย่างทันท่วงที