ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า นายวิศิษฐ์ อนันต์วรปัญญา รองผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง เป็นประธานการประชุมอนุกรรมการพิจารณาให้สัญชาติไทยและให้สถานะคนต่างด้าวเข้าเมืองโดยชอบด้วยกฎหมายแก่ชนกลุ่มน้อยจังหวัดตรัง ณ ห้องมรกต ชั้น 5 ศาลากลางจังหวัดตรัง
โดย มติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 26 มกราคม 2564 ให้ปรับปรุงหลักเกณฑ์การให้สถานะและสิทธิของบุคคลที่อพยพเข้ามาในราชอาณาจักรไทยและอาศัยอยู่มานาน ตามที่สภาความมั่นคงแห่งชาติเสนอ เพื่อให้สอดคล้องกับข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องในปัจจุบัน รวมถึงสอดคล้องกับความมั่นคงและผลประโยชน์ของประเทศ โดยกำหนดให้จังหวัดและอำเภอ ถือปฏิบัติตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง ให้สถานะคนต่างด้าวเข้าเมืองโดยชอบด้วยกฎหมายและมีถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักรไทยตามพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. 2500 แก่บุคคลที่อพยพเข้ามาในราชอาณาจักรไทยและอาศัยอยู่มานาน ลงวันที่ 24 พฤศจิกายน 2564
ซึ่ง จังหวัดตรัง ได้รับคำร้องการขอมีสถานะคนต่างด้าวเข้าเมืองโดยชอบด้วยกฎหมายแก่ชนกลุ่มน้อย ตาม ม.17 แห่งพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ.2522 ของกลุ่มเป้าหมายที่ผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติและเอกสารหลักฐานจากอำเภอเมืองตรัง จำนวน 1 ราย คือ นายมูฮำหมาด อูเส็น อายุ 49 ปี เกิดที่จังหวัดมาริด ประเทศพม่า สัญชาติพม่า ปัจจุบันอาศัยอยู่บ้านเลขที่ 106/1 หมู่ที่ 5 ตำบลนาท่ามใต้ อำเภอเมืองตรัง จังหวัดตรัง โดยบุคคลดังกล่าวได้เข้ามาอยู่ประเทศไทย เมื่อประมาณปี พ.ศ.2533 ที่อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก และได้สมรสกับหญิงที่มีสัญชาติไทย และมีบุตรด้วยกัน 1 คน เคยถูกจับกุมในข้อหากระทำผิด พ.ร.บ.คนต่างด้าว เมื่อปี พ.ศ.2538 และคดีสิ้นสุดแล้ว ได้รับการสำรวจจัดทำทะเบียนประวัติ เมื่อ พ.ศ.2551 ณ สำนักทะเบียนอำเภอกะเปอร์ จังหวัดระนอง และมายื่นคำขอมีสถานะที่อำเภอเมืองตรัง เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2565
ทั้งนี้ อำเภอเมืองตรัง ได้ตรวจสอบข้อมูล เอกสารหลักฐาน และบันทึกปากคำ (ปค.14) บุคคลที่น่าเชื่อถือ จำนวน 2 คน เพื่อรับรองว่าผู้ขอมีสถานะคนต่างด้าวฯ ไม่สามารถกลับประเทศต้นทางได้ และอาศัยอยู่ในประเทศไทยติดต่อกันต่อเนื่อง 15 ปีขึ้นไป โดยเจ้าหน้าที่ได้สอบปากคำแล้วสามารถพูดและฟังภาษาไทยเข้าใจได้ โดยอนุกรรมการฯ ได้พิจารณาอนุมัติให้สัญชาติไทยและให้สถานะคนต่างด้าวเข้าเมืองโดยชอบด้วยกฎหมายแก่ชนกลุ่มน้อยจังหวัดตรังตามที่ได้ยื่นคำร้องและผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติ