วันที่ 16 มีนาคม 2566 ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า นางกิ่ม อายุ 87 ปี ปัจจุบันอาศัยอยู่ในหมู่ 6 ตำบลนาเคียน อำเภอเมือง นครศรีธรรมราช พร้อมด้วยครอบครัว ได้ร้องกับผู้สื่อข่าวเพื่อขอให้ช่วยเปิดเผยชีวิตครอบครัวตัวเองที่อยู่ในสภาพถูกลูก 4 คน จาก 6 คนรวมหัวไล่แม่บังเกิดเกล้าออกจากบ้าน ที่สร้างด้วยน้ำพักน้ำแรงและที่ดินสวนยางพารา สวนผลไม้จำนวน 60 ไร่ ในพื้นที่ตำบลบางวัน อำเภอคุระบุรี จังหวัดพังงา ถึงขั้นถูกข่มขู่คุกคามหมายทำร้ายถึงชีวิต จนต้องหนีมาอาศัยอยู่กับลูกสาวอีก 2 คนในตำบลนาเคียน อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช ตั้งแต่ช่วงกลางปี 2565 จนถึงปัจจุบันยังถูกคุกคามอย่างต่อเนื่องและบังคับยึดเอาบ้าน และที่ดินของนางกิ่ม เพื่อเอาไปแบ่งกันใน 4 คน
นางกิ่ม อายุ 87 ปี ได้เปิดเผยว่าที่ดินจำนวน 60 ไร่ได้ไปซื้อไว้เมื่อหลายสิบปีก่อน ในท้องที่หมู่ที่ 9 บ้านบางเอียง ตำบลคุระบุรี จังหวัดพังงา จากนั้นได้ทำสวนเรื่อยมากพร้อมทั้งปลูกบ้านอาศัย และปลุกขึ้นอีก 1 หลังใกล้กันเพื่อให้ (นายปกาศิต) ลูกชายคนโตปัจจุบัน อายุ 65 ปี อาศัยโดยลูกชายคนนี้ไม่ได้ประกอบอาชีพอะไร แม่และน้องเป็นผู้ดูแลมาตลอดชีวิต จนปัจจุบัน
ก่อนหน้าที่จะเกิดเรื่องขึ้นได้เขียนพินัยกรรมด้วยลายมือตนเอง โดยหวังว่าก่อนจะถึงวาระสุดท้ายชีวิตนั้นได้แบ่งที่ดินสวนยางออกเป็น 4 ส่วน แปลงแรก 16 ไร่ ให้(นายปกาศิต) ลูกชายอายุ 65 ปี และบันทึกไว้ว่าที่ดินแปลงนี้นางกิ่มมารดาจะต้องรับผลประโยชน์จากแปลงนี้ตลอดชีวิต แปลงที่ 2 จำนวน 14 ไร่ ให้ (นายอนันต์) ลูกชายอายุ 53 ปี พร้อมยางพาราที่ได้รับประโยชน์แล้ว แปลงที่ 3 จำนวน 14 ไร่นางกิ่มระบุว่าเป็นส่วนของตนเองที่เก็บไว้ให้กับผู้ที่ดูแลเลี้ยงดูตนเองในวัยชรายามที่ไม่สามารถช่วยตัวเองได้ และเมื่อเสียชีวิตลงสิทธิในแปลงนี้จะเป็นผู้ที่เลี้ยงดูตนเอง และแปลงที่ 4 จำนวน 8 ไร่จะมอบให้ (นาวสาวฟาฏินา) ลูกสาว อายุ 55 ปี ซึ่งเป็นที่คอยส่งเงินรายเดือนเพื่อเลี้ยงดูตนเองมาโดยตลอด
นางกิ่มระบุว่าได้ถูกลูก 4 คนจาก 6 คน ได้รวมกันเพื่อที่จะอ้างยึดที่ดินทั้งหมดจำนวน 60 ไร่รวมทั้งบ้านที่สร้างขึ้นโดยตนเอง และพยายามทำร้ายขับไล่ออกจากบ้านจนต้องหนีออกมากับลูกหลานอาศัยอยู่ที่ตำบลนาเคียน ตั้งแต่กลางปี 2565 จนถึงปัจจุบันแต่ก็ยังถูกคุกคามมาโดยตลอด ถูกด่าว่าอย่างรุนแรง โดยเฉพาะบางคำที่ศาสนาอิสลามถือว่าเป็นเรื่องร้ายแรงมาก ปัจจุบันมีลูกสาว 2 คนคอยดูแล เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสร้างความเจ็บช้ำน้ำใจให้อย่างมาก
ขณะที่นางสาวฟาฏิมา อายุ 55 ปี ระบุว่าปัญหาที่เกิดขึ้นหนักใจมากแม่ไม่มีความสุข ไม่สบายใจตลอดเวลานอนน้ำตาไหลทุกคืน ลูกถึงขั้นขู่ทำร้ายแม่ ถึงขั้นบีบคอแม่ บุกตัดกล้องวงจรปิด ไล่ออกจากบ้าน ข่มขู่เอาทรัพย์สิน อ้างว่าไปทำบันทึกที่คณะกรรมการกลางอิสลามประจำจังหวัดพังงา ซึ่งแม่มาดูบันทึกฉบับนี้ทีหลังปรากฏว่าเป็นข้อความเท็จทั้งหมด และใช้บันทึกฉบับนี้มาอ้างว่าสิทธิในทรัพย์สินของแม่ทั้งหมดเป็นของเขา ก่อนหน้านี้ได้ร้องขอต่ออัยการจังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อเรียกฝ่ายลูกทั้ง 4 คนมาไกล่เกลี่ยแต่ปรากฎว่าไม่มีใครมา แต่กลับมาข่มขู่คุกคามแม่ถึงบ้านซึ่งปัจจุบันแม่ต้องสั่งให้ปิดประตูคล้องกุญแจเนื่องจากเกรงกลัวลูกจะเข้ามาทำร้าย แม่ต้องการที่จะเปิดเผยเรื่องนี้ทั้งหมดให้สังคมได้รับรู้เป็นอุทาหรณ์เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ขณะนี้แม่ได้ตัดสินใจยื่นฟ้องแพ่งต่อศาลตะกั่วป่า จังหวัดพังงา เพื่อขับไล่ลูกทั้งหมดออกจากที่ดินทรัพย์สินของแม่จากเหตุการณ์นี้ บางส่วนนั้นในเหตุการณ์ได้มีการบันทึกคลิปไว้เป็นหลักฐานสำคัญด้วย
สำหรับการยื่นฟ้องขับไล่ลูกที่เข้ามาเกี่ยวข้องบังคับเอาที่ดินและบ้านของนางกิ่ม นั้นได้ยื่นฟ้องต่อศาลตะกั่วป่า เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2566 ที่ผ่านมา โดยล่าสุดนั้นทราบว่าศาลได้ออกหมายนัดไต่สวนไปยังลูกทั้ง 4 คนของนางกิ่มแล้ว ปัจจุบันทั้ง 4 คนอาศัยอยู่ที่ เพชรบุรี 1 คน กทม. 1 คน นนทบุรี 1 คน และพี่ชายคนโตอยู่ที่ จ.พังงา ในที่ดินเกิดเหตุ โดยระบุว่าผู้ที่เป็นแกนนำในการขับไล่แม่และยึดทรัพย์สินของแม่จะอาศัยอยู่ที่ จ.เพชรบุรี