วันที่ 16 มีนาคม 2566 เวลา 03.30 น.ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า นายรัศมี ศิลธรรม ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 9 ต.แก่งเสี้ยน และ ผู้ใหญ่ธนกร เกษมโสตร ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 2 ตำบลแก่งเสี้ยน  อ.เมืองกาญจนบุรี ได้รับแจ้งจากนายพรศักดิ์ สุนจิรัตน์ อดีตสารวัตรกำนัน ตำบลแก่งเสี้ยน และ ตำรวจจุดตรวจป้อมแก่งเสี้ยน ว่าพบรถต้องสงสัย  จอดอยู่บนถนนกาญจนบุรี-ไทรโยค สภาพรถยางหลังด้านซ้ายแตกอยู่ไหล่ทาง บริเวณแถวร้านเจ๊ราตรีแกงป่า หมู่ที่ 9 ตำบลแก่งเสี้ยน 

หลังรับแจ้งข่าว ผู้ใหญ่บ้านทั้งสองคนรีบลงพื้นที่ตรวจสอบเบื้องต้น พบรถยนต์กระบะ มิตซูบิชิ ไตตัลตอนเดียว สีขาว หมายเลขทะเบียน บล 4394 กาญจนบุรี กระบะหลังดัดแปลงต่อเป็นตู้ทึบ เปิดในรถพบแรงงานต่างด้าว ชาย-หญิง จำนวน 33 คน อยู่ในรถคันดังกล่าว ส่วนคนขับวิ่งหลบหนีไปในความมืด

จากการสอบถามเบื้องต้น แรงงานบอกว่า รถกระบะวิ่งมาทางถนนราชภัฏ-กาญจนบุรี มุ่งหน้าถนนบายพาส โดยมีผู้ชายไทย ผอมสูง ผู้นำพาคือคนขับรถ โดยแรงงานเดินเท้าข้ามชายแดนมาตามช่องทางธรรมชาติ มีชายคนขับรถมารับขึ้นรถและขับรถมาตามถนนเป็นเวลาประมาณ 1 ชม. มาถึงสี่แยกแก่งเสี้ยน คนขับเห็นไฟจราจรที่หน้าจุดตรวจจุดสกัดตำบลแก่งเสี้ยน คนขับเลยขับรถกลับรถที่สี่แยกแก่งเสี้ยนย้อนกลับมาทางเดิมวิ่งต่อไปประมาณ 2 กม.ล้อรถยางด้านซ้ายหลังเกิดยางระเบิด จึงจอดรถ คนขับวิ่งหลบหนีฝ่าความมืดไปอย่างลอยนวล  จึงประสาน สภ.เมืองกาญจนบุรี นำแรงงานต่างด้าวทั้งหมดไปดำเนินคดีในข้อหาหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงาน ต่อว่า ที่ผ่านมาขบวนการนำพาแรงงานเถื่อนกำลังทยอยรับจ้างขนแรงงานเถื่อนสัญชาติเมียนมา เช้ามาตามช่องทางธรรมชาติในเขต อ.ไทรโยค เข้ามาไว้ในเซฟเฮ้าแห่งหนึ่งตั้งอยู่รอบเชิงเขาในเขต ต.ปากแพรก เพื่อรอจังหวะให้ข้าราชการ บางคนในหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เปิดทำทะเบียนถูกต้องให้แก่แรงงานเถื่อนเหล่านี้ ก่อนจะส่งตัวตามใบสั่งให้แก่ผู้ประกอบการ โดยมีนายหน้าหลายกลุ่มคอยเจราจาติดต่อนำพาแรงงานเหล่านี้ ไปดำเนินการตามระเบียบของกฎหมายโดยมีผลประโยชน์ร่วมกัน สร้างรายได้ในแต่ละเดือนให้กับบุคคลเหล่านี้ไม่ว่าจะเป็นนายหน้า ที่แอบอ้างกับนายจ้าง ผู้ประกอบการ และแรงงานเถื่อนเหล่านี้ว่า สามารถติดต่อทำหนังสือเดินทางและทำใบอนุญาตทำงานได้อย่างถูกต้อง ขบวนการขนคนเถื่อน ยังติดต่อผ่านไปทาง จ.กาญจนบุรี และ จ. นครปฐม อีกด้วย