วันที่ 14 มี.ค.2566 คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ร่วมกับ สมาคมสถาบันอุดมศึกษาสิ่งแวดล้อมไทย จัดเสวนาเรื่อง รับมือPM2.5 ในมิติสาธารณสุขศาสตร์ โดยมี นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รองประธานคณะกรรมาธิการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม วุฒิสภา ดร.ศักดา ตรีเดช ผู้อำนวยการส่วนนวัตกรรมคุณภาพอากาศและเสียง กรมควบคุมมลพิษผศ.ดร.เอื้อมพร มัชฌิมวงศ์ รองอธิการบดีฝ่ายการคลัง มหาวิทยาลัยมหิดล ผศ.ดร.สราวุธ เทพานนท์ คณบดีคณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล(ผู้ดำเนินรายการ) เข้าร่วม

 

ดร.ศักดา กล่าวว่า กรุงเทพมหานครพบค่าฝุ่นระดับสีแดงครั้งแรกในรอบ 3 ปี เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2566 เป็นสัญญาณความเลวร้ายของสภาพอากาศที่รุนแรงขึ้นกว่าที่ผ่านมา ชี้ให้เห็นระดับของสภาวะโลกร้อนที่ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ อย่างไรก็ตาม กรุงเทพมหานครมีจุดตรวจวัดค่ามลพิษและฝุ่นเรียกว่า ค่า AQI ทั้ง 50 เขต ประมาณ 87 จุดขอแนะนำให้ประชาชนดูรายงานผ่าน www.bangkokairquality.com และ www.air4thai.pcd.go.th เนื่องจากมีการใช้เครื่องมือตรวจวัดที่มีระบบกำจัดความชื้นก่อนคำนวณค่า จึงได้ค่า AQI หรือค่ามลพิษโดยรวมที่แน่นอนกว่าจุดที่มีเครื่องตรวจวัดแบบเซ็นเซอร์ ซึ่งไม่มีระบบกำจัดความชื้นก่อน นอกจากนี้ กรมควบคุมมลพิษยังใช้เครื่องมือจำลองสภาพชั้นบรรยากาศประกอบด้วย ซึ่งเป็นเครื่องมือระดับสากลในการคำนวณและพยากรณ์ล่วงหน้าได้ถึง 7 วัน ปัญหาคือ เครื่องจำลองสภาพชั้นบรรยากาศใช้กับคอมพิวเตอร์ทั่วไปไม่ได้ ต้องใช้กับซูเปอร์คอมพิวเตอร์ของสวทช. เพื่อให้การคำนวณค่าและประมวลผลเร็วขึ้นจาก 1 วัน 28 ชั่วโมง เหลือ 38 นาที ส่งผลให้การพยากรณ์ล่วงหน้าทำได้ถึง 7 วัน ให้ความแม่นยำ 70-80% ทั้งนี้ แม้ประเทศไทยจะมีเทคโนโลยีที่ทันสมัย แต่สภาพความเปลี่ยนแปลงของโลกยังเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้การคำนวณค่ามลพิษต่างๆ จำเป็นต้องพัฒนาให้ทันอยู่เสมอ เพื่อสามารถคาดการณ์ล่วงหน้าได้แม่นยำและยาวนานมากขึ้น

 

นายวีระศักดิ์ กล่าวว่า การรายงานสถานการณ์มลพิษหรือค่าฝุ่นต่างๆ ควรใช้ภาษาที่เข้าใจง่าย เพื่อให้คนไทยรู้สึกและมีอารมณ์ร่วมกับปัญหาที่เกิดขึ้น ผ่านการนำเสนอในโซเชียลมีเดียต่างๆ สอดแทรกแง่คิด มุกตลก หรือสีสันความบันเทิงต่างๆ เหตุผลเพราะว่าเมื่อคนไทยเข้าใจและรู้สึกถึงความเดือดร้อนและปัญหาร่วมกัน จะเกิดการนำเสนอแง่มุมการร่วมกันหาต้นตอ และนำไปสู่การกดดันให้ภาครัฐจัดการต้นตอเหล่านั้นในที่สุด หรือกดดันต้นตอด้วยตนเองผ่านกระแสสังคม ยกตัวอย่าง จากการศึกษาพบว่า ปัญหาฝุ่นในประเทศไทยส่วนใหญ่มาจากการเผามากที่สุด เป็นการเผาเพื่อพาณิชย์ เช่น เผาอ้อย เผาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ เผาแปลงนา ดังนั้น พ.ร.บ.ความสะอาด ไม่มีความหมาย หากเปลี่ยนพื้นที่ปลูกไม่ได้ เพราะเป็นส่วนหนึ่งของวงจรการค้า การผลิต การรับซื้อ และการส่งออก ดังนั้น ต้นตอของฝุ่นอาจไม่ใช่การเผา หากอยู่ที่พ่อค้ารับซื้อเบื้องหลัง รวมถึงพ่อค้าปุ๋ยและยาฆ่าแมลงสารเคมี พ่อค้าเมล็ดพันธุ์ ล้วนเป็นผู้กำหนดกระบวนการผลิตเชิงเกษตรและปศุสัตว์ในปัจจุบัน เช่น การรับซื้ออ้อยที่เผาใบแล้วในราคาที่สูงกว่าไม่เผา หรือการเผาข้าวโพดเพื่อนำมาทำอาหารสัตว์ เป็นต้น เหล่านี้เป็นข้อมูลที่ทุกภาคส่วนต้องช่วยกันนำเสนอให้ประชาชนเข้าใจง่ายในหลายรูปแบบ เพื่อเกิดอารมณ์ในการตัดสินใจกดดันต้นตอของฝุ่นที่แท้จริง ช่วยกันหาหลักฐานผู้ก่อมลพิษเบื้องหลังตัวจริง เพื่อการฟ้องร้องและนำไปสู่การผลักดันมาตรการของภาครัฐ เช่น ขึ้นภาษี สั่งห้าม ควบคุม จำกัด ทั้งนี้หากประชาชนไม่ตื่นตัว การผลักดันกฎหมายทำได้ยากเพราะไม่มีผู้เดือดร้อนออกมาร่วมกันชี้ปัญหา สิ่งสำคัญคือการร่วมกันนำเสนอข้อมูลให้เข้าใจง่ายที่สุด มากที่สุด เพื่อนำไปสู่การเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะการตั้งมิสเตอร์ฝุ่นประจำตำบล จังหวัด ประเทศ เพื่อให้ความรู้ประชาชน

 

ผศ.ดร.เอื้อมพร กล่าวว่า นอกจากการนำเสนอที่เข้าใจง่าย สนุก เพลิดเพลินแล้ว ควรเป็นการรายงานสถานการณ์ AQI ล่วงหน้า ไม่ใช่การรายงานค่าประจำวัน เพราะเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว ประชาชนเตรียมตัวหรือแก้ไขอะไรไม่ได้ และไม่ได้รับประโยชน์จากการรายงานดังกล่าว โดยเฉพาะการรายงานล่วงหน้าที่แม่นยำได้หลายวันสามารถนำค่าเหล่านั้นมาขับเคลื่อนมาตรการต่างๆ ได้ เช่น การติดสลากไอเสียให้กับรถทุกคันที่ผ่านการประเมินตามสีความรุนแรงของฝุ่น เมื่อค่าฝุ่นสูงสามารถให้รถตามสลากสีหยุดวิ่งได้อย่างมีเหตุผล ไม่ใช่การห้ามทุกคัน หรือทุกวัน สลากไอเสียจะกำหนดการเข้าบางพื้นที่ในบางวันเท่านั้น ดังนั้น การพยากรณ์ล่วงหน้าอย่างแม่นยำจึงสำคัญต่อการให้ภาครัฐและภาคประชาชนนำข้อมูลมาใช้ต่อได้ ทั้งในเรื่องมาตรการและการป้องกัน เช่น การทำงานที่บ้าน หากมีการพยากรณ์ล่วงหน้าที่ชัดเจนสามารถทำได้ แต่ไม่ได้ช่วยลดฝุ่น จุดประสงค์เพื่อให้ประชาชนลดการสัมผัสฝุ่น นอกจากนี้ ยังมีการนำเสนอแนวคิดกำหนดให้ผู้ประกอบการสร้างพื้นที่หรือห้องปลอดฝุ่นสำหรับรองรับลูกค้า ก็จะช่วยลดการสัมผัสฝุ่นได้อีกทางหนึ่ง อย่างไรก็ตาม กำลังอยู่ในขั้นพิจารณาถึงความเป็นไปได้