วันที่ 14 มี.ค.66 นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ระบุว่า...

รถไฟฟ้าสายสีส้ม ขบวนสุดท้ายก่อนยุบสภา

พรุ่งนี้ กระทรวงคมนาคม โดยรัฐมนตรีรักษาการ นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของ นายวิรัช รัตนเศรษฐ

จะนำโครงการ “รถไฟฟ้าสายสีส้ม” เข้าสู่การประชุม ครม. นัดสุดท้ายทิ้งทวนก่อนยุบสภาแน่นอน

โดยกำหนดให้เป็น “วาระจร” (เรื่องที่ไม่ได้บรรจุไว้ในระเบียบวาระ แต่นำเข้ามาพิจารณาเป็นพิเศษในการประชุมคราวนี้) อีกด้วย

เป็นการนัด “ประชุม ครม. ลักไก่” ให้อนุมัติทำสัญญากับ ช.การช่าง หรือ BEM โดยมีผลประโยชน์ของประเทศชาติเสียหายกว่า 70,000 ล้านบาท เป็นเดิมพัน

ต้องวัดใจบรรดาคณะรัฐมนตรีชุดนี้ ว่าจะยอมเสี่ยงเอาขาข้างหนึ่งเข้าไปอยู่ในตะรางหรือไม่?

หากอนุมัติให้ผ่าน และรัฐบาลใหม่สมัยหน้าขุดเอาเรื่องนี้ขึ้นมาย้อนเกล็ด

เพราะผมเชื่อว่า จากคลิป “ปิดปากหญิงสูงวัยไม่ให้พูด” และการทำงานสไตล์นายกฯ ประยุทธ์ จะกลายเป็นการทำลายคะแนนเสียง และโอกาสยากที่ท่านจะกลับมาเป็นนายกฯ อีกครั้งในสมัยหน้า

ประวัติศาสตร์ต้องจารึกว่า เงินส่วนเกิน 68,600 ล้านบาท ตกหล่นหายไปเข้ากระเป๋าใครต่อใคร เพื่อใช้ในการหาเสียง และเหลือใช้เป็นโบนัส (ดูตารางประกอบ)

ในฐานะประชาชนที่เป็นเจ้าของภาษี ได้ต่อสู้ทุกวิถีทางเพื่อให้ประหยัดงบประมาณจากเงินภาษีของประชาชน

แต่มีการสบคบคิดจะนำ “เงินทอน” ไปใช้ในการหาเสียงเลือกตั้งอันใกล้นี้

ครม. นัดนี้เป็นนัดสุดท้ายก่อนยุบสภาอาทิตย์หน้า แล้วยังใจกล้านำเรื่องสำคัญ ที่ยังมีข้อกังขาเข้าประชุมเร่งด่วนวาระจร

ขณะนี้ข่าววงในกำลังถกเถียงกันระหว่าง นายกฯ กับคณะกรรมการพรรครวมไทยสร้างชาติ

นายกฯ จะเอาเข้า แต่คณะกรรมการไม่เอาด้วย ต้องรอดูว่าใครจะเห็นกับประโยชน์ของประเทศชาติมากกว่ากัน

พิจารณาดูแล้วกันว่า รอมาได้ตั้งหลายปี แต่พอประชุม ครม. นัดสุดท้ายก่อนยุบสภา อำนาจกำลังจะหมด จะต้องเร่งรีบดำเนินการไปเพื่ออะไร?

มันเป็นการสมรู้ร่วมคิดทั้งขบวนการหรือไม่?

ใครเป็นผู้ได้ประโยชน์จากการรีบเร่งทิ้งทวนครั้งนี้?

ที่แน่ๆ ไม่ใช่ประชาชนครับ

 

 

ขอบคุณข้อมูล/ภาพ : เฟซบุ๊ก ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์