จากกรณีเกิดเหตุชุลมุนขึ้นระหว่างกลุ่มผู้สนับสนุนและประชาชนผู้เห็นต่างเป็นหญิงสูงวัย 1 คน จะมายืนดักขบวนพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เพื่อแสดงออก ระหว่างเดินทางเข้าเข้าสักการะเจ้าแม่เบิกไพร ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจหญิงนอกเครื่องแบบ 2 นาย พยายามเข้าสกัดและเข้าไปนำตัวหญิงสูงอายุออกไปนั้น

ล่าสุด วันที่ 14 มี.ค.66 กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดราชบุรี ออกหนังสือประจำวันที่ 13 มีนาคม 2566 ข้อชี้แจงกรณีตามภาพข่าวและคลิปวีดีโอที่ปรากฏตามสื่อโชเชียล ระบุว่า...

ตำรวจภูธรจังหวัดราชบุรี ขอขี้แจงเหตุการณ์ดังกล่าว ดังนี้

พฤติการณ์ที่เกิดขึ้นตามภาพข่าวและคลิปวีดีโอที่ปรากฎตามสื่อโซเชียล นั้น เป็นการกระทำของบุคคลในภาพเข้าไปในพื้นที่หวงห้าม โดยมีพฤติการณ์ที่จะวิ่งเข้าไปภายในเส้นทางเดินรถเพื่อให้เกิดความเสียหายต่อผู้ใช้เส้นทางนั้น และได้ส่งเสียงก่อกวนอื้ออึงในพื้นที่หวงห้าม ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดำเนินการตามชั้นตอนของกฎหมายชี้แจงทำความเข้าใจกับบุคคลดังกล่าวและห้ามมิให้บุคคลดังกล่าวไม่ให้เข้าไปในพื้นที่ แต่บุคคลดังกล่าวยังคงฝ่าฝืนคำสั่งของเจ้าหน้าที่ ทางเจ้าหน้าที่จึงให้เจ้าเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้หญิงเข้าไปทำการควบคุมแต่บุคคลดังกล่าวได้ต่อสู้ขัดขืน ยื้อชุดกระชาก ใช้ปากกัดทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจหญิง ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจชายเห็นเหตุการณ์จึงได้เข้าช่วยควบคุมนำตัวออกจากพื้นที่ และได้แจ้งข้อกล่าวหาให้ทราบ ดังต่อไปนี้

1.ผู้ใดทราบคำสั่งของเจ้าพนักงานซึ่งสั่งการตามอำนาจที่มีกฎหมายให้ไว้ แต่ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งนั้นโดยไม่มีเหตุหรือข้อแก้ตัวอันควร
2.ส่งเสียงทำให้เกิดเสียงหรือกระทำความอื้ออึงในที่สาธารณะ
3. ต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานหรือผู้ซึ่งต้องช่วยเจ้าหนักงานตามกฎหมายในการ ปฏิบัติการตามหน้าที่

และควบคุมตัวบุคคลตังกล่าวส่งพนักงานสอบสวน สภ.บ้านโป่ง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ส่วนตามภาพข่าวผู้หญิงใส่เสื้อดำ พยายามส่งเสียงก่อกวน ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าไปชี้แจง ทำความเข้าใจให้หยุดการกระทำดังกล่าว ซึ่งทางผู้หญิงเสื้อดำได้หยุดการกระทำนั้น แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะทำการตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลดังกล่าว หากพบว่ามีการกระทำผิด จักได้ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป

เราในฐานะตำรวจภูธรจังหรัดราชบุรีเราขอยืนยันว่า เราได้ปฏิบัติต่อทุกกลุ่ม ทุกความเห็นอย่างเป็นธรรมและเท่าเทียมกันตามกรอบของกฎหมาย ซึ่งเรามีหน้าที่ในการรักษาความสงบเรียบร้อยของสังคม หากไม่ว่ากลุ่มใดมีพฤติการณ์ก่อให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อยหรือมีแนวโน้ม ที่จะส่งผลให้เกิดการยั่วยุที่จะใช้ความรุนแรงต่อกัน เราจำเป็นจะต้องปฏิบัติตามหน้าที่โดยยืดหลักของกฎหมายเป็นสำคัญ