"พิชัย" ลุยจี้ รัฐเร่งลดราคาไฟฟ้า-น้ำมัน-ก๊าซหุงต้ม ชี้ เศรษฐกิจไทยน่าห่วง ส่งออกยังติดลบ อ้อนเลือกเพื่อไทย แก้ปัญหาเศรษฐกิจได้
เมื่อวันที่ 13 มี.ค.66 นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว.พลังงาน และ รองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์และการเมือง พรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ว่า การส่งออกของไทยในเดือนมกราคมติดลบ 4.5% ซึ่งเป็นการส่งออกที่ติดลบติดกันเป็นเดือนที่ 4 อีกทั้งยังทำให้ไทยขาดดุลการค้าถึง 4,649.6 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งขาดดุลสูงที่สุดในรอบ 10 ปี ซึ่งเป็นสัญญาณเศรษฐกิจที่อันตรายมาก อีกทั้งยังพบว่า คนไทยกว่า 25 ล้านคน มีหนี้เพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่าในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะ หนี้ครัวเรือน หนี้สินเชื่อส่วนบุคคล และ บัตรเครดิต
“ล่าสุด รัฐบาลประกาศ จะลดราคาค่าไฟฟ้าในภาคธุรกิจ ภาคอุตสาหกรรม และ ภาคบริการ ต่ำกว่า 5 บาท ตามที่พรรคเพื่อไทย เรียกร้อง แต่อาจจะขึ้นราคาค่าไฟฟ้าในภาคครัวเรือน น่าจะไม่ใช่การดำเนินการที่ถูกต้องเพราะครัวเรือนมีภาระค่าใช้จ่ายที่หนักมากแล้ว ไม่ควรจะขึ้นราคาไฟฟ้าในภาคครัวเรือน แต่ควรเร่งลดราคาค่าไฟฟ้าในภาคธุรกิจ ภาคอุตสาหกรรมและ ภาคบริการ และ น่าจะต้องลดราคาค่าไฟฟ้าสำหรับครัวเรือนด้วย เนื่องจากราคาต้นทุนเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้าได้ลดลงแล้ว โดยราคาก๊าซแอลเอ็นจีที่ราคาลดลงมาต่ำกว่า $20 และ ราคาน้ำมันก็ลดลง อีกทั้งปริมาณก๊าซในอ่าวไทยที่มีราคาถูกและสามารถนำขึ้นมาได้เพิ่มขึ้นแล้ว ดังนั้นราคาไฟฟ้าก็น่าจะต้องปรับราคาลดลงมาได้แล้ว ทั้งนี้ เพราะราคาค่าไฟฟ้าเป็นปัจจัยในการตัดสินใจลงทุนของนักลงทุนต่างประเทศที่จะลงทุนในประเทศไทย ซึ่งราคาค่าไฟฟ้าของประเทศไทยแพงกว่าค่าไฟฟ้าของประเทศเวียดนามมาก”
นายพิชัย ระบุต่อว่า นอกจากนี้ ประชาชนยังต้องรับภาระค่าใช้จ่ายเพิ่ม จากราคาค่าก๊าซหุงต้มที่เพิ่งจะเพิ่มขึ้นเป็น 423 บาท/ถัง 15 กก. ในวันที่ 1 มีนาคม ที่ผ่านมา และอาจจะต้องเพิ่มขึ้นอีกเป็น 438 บาท/ถัง 15 กก. ในอีกไม่นานนี้ ซึ่งจะผลกระทบต่อค่าใช้จ่ายของครัวเรือน การปรุงอาหาร รวมถึงราคาอาหารจานเดียวที่ประชาชนจำเป็นต้องบริโภค แต่รัฐบาลกลับปล่อยให้ราคาก๊าซหุงต้มเพิ่มขึ้นตลอด จากต้นปีที่แล้วที่ราคาก๊าซหุงต้มยังอยู่แค่ 318 บาท/ถัง 15 กก. โดยไม่ได้มีแนวทางช่วยเหลือหรือแก้ไข อีกทั้งราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกได้ลดลงมานานแล้วอยู่ในระดับก่อนเกิดสงครามรัสเซีย ยูเครน (ประมาณ $70-$80 ต่อบาร์เรล) แต่ราคาน้ำมันดีเซลของประเทศไทยยังสูงมาก อยู่ที่ลิตรละ 33.94 บาท ซึ่งในสมัยรัฐบาลพรรคเพื่อไทยภายใต้การบริหารของนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ราคาน้ำมันดิบแพงกว่ามาก ($110 ต่อบาร์เรล) แต่ราคาน้ำมันดีเซลยังต่ำกว่าลิตรละ 30 บาท ดังนั้นรัฐบาลควรต้องลดราคาน้ำมันดีเซลลงได้แล้ว รวมถึงน้ำมันเบนซินด้วย ซึ่งอาจจะไม่ต้องลดลงเท่ากับที่นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ของพรรคพลังประชารัฐเสนอ แต่ก็ควรจะต้องลดลงมากกว่านี้
"ในภาวะที่เศรษฐกิจไทยยังผันผวนและไม่แน่นอน การลดรายจ่ายให้กับประชาชนเป็นสิ่งที่รัฐบาลต้องเร่งดำเนินการ โดยการลดราคาพลังงาน น้ำมัน ไฟฟ้า และ ก๊าซหุงต้ม ที่เป็นต้นทุนของสินค้าและบริการแทบทุกชนิดจะช่วยลดภาระของประชาชนและลดเงินเฟ้อลงได้ อีกทั้งยังจะต้องมีแนวทางในการเพิ่มรายได้ให้กับประชาชน ซึ่งพรรคเพื่อไทย มีนโยบายทุกด้านพร้อมแล้ว และ อยากให้ประชาชนมั่นใจและเลือกพรรคเพื่อไทยกันมากๆ" นายพิชัย กล่าว