ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตเวช เผย ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาไทยเจอปัญหาโควิด -19 พบคนไทยมีปัญหาด้านสุขภาพจิตเพิ่มขึ้น เป็นผลจากการเสพสื่อโซเชียล และ กังวลปัญหาด้านสุขภาพ
เกาะติดการอบรมหลักสูตรประกาศนียบัตรบัณฑิตนวัตกรรมการจัดการสุขภาพยุคดิจิทัล หรือ HIDA รุ่นที่ 2 มุ่งเน้นการดูแลสุขภาพแบบศาสตร์องค์รวมแบบครบวงจร เพื่อให้ผู้เข้าอบรมนำความรู้ไปปรับใช้ในชีวิตประจำวัน เพื่อดูแลสุขภาพของตนเอง คนในครอบครัวให้ห่างไกลโรค และ มีสุขภาพที่แข็งแรง
ในสัปดาห์นี้ มุ่งเน้นการให้ความรู้เรื่องการดูแลสุขภาพจิตและสุขภาพใจ ฝึกจิตพิชิตโรคในผู้บริหาร แพทย์หญิงอภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตเวช ผู้อำนวยการศูนย์จิตรักษ์กรุงเทพ โรงพยาบาลกรุงเทพ กล่าวว่า สุขภาพจิตของคนไทยและชุมชนไทยหลังสถานการณ์โควิด-19 มีการเปลี่ยนแปลงมาก จะเห็นได้จากในช่วงเดือนมีนาคม 2563 ที่ผ่านมา ประเทศไทยต้องเผชิญกับสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ทำให้คนไทยเป็นห่วงสุขภาพกลับมาดูแลให้ความสำคัญเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพอย่างเข้มงวด และต้องประสบกับภาวะความเครียดมากขึ้น เนื่องจากมีความกังวลเกี่ยวกับการติดเชื้อโควิด การเข้ารับการรักษาโควิด-19 ในโรงพยาบาล การล็อคดาวน์จำกักพื้นที่ ปัญหาปากท้อง รวมถึง การฉีดวัคซีนโควิด-19
สถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ทำให้พฤติกรรมการใช้ชีวิตของประชาชนเปลี่ยนไป หันมาใช้การรับรู้ข้อมูลข่าวสารผ่านโซเชียลมีเดีย เช่น เฟสบุ๊ก ไลน์ อินสตราแกรม มากขึ้น โดยมีงานวิจัยพบว่า คนไทยใช้เวลา 9 ชั่วโมงต่อวันรับรู้ข่าวสารทางอินเทอร์เน็ต เช่น การทำงาน
การช้อปปิ้ง และ การติดต่อสื่อสารทั้งนี้ สัญญาณที่บ่งชี้ว่าประชาชน มีปัญหาเรื่องสุขภาพจิตมากขึ้น เช่น มีอารมณ์เหวี่ยงวีน มีอารมณ์ร้อนแรงตัดสินใจเร็ว นอกจากนี้ ยังมีสัญญาณบ่งชี้ออกมาทางกาย เช่น อาการปวดเมื่อย มีอาการที่เกี่ยวเนื่องกับโรคประจำตัว
แพทย์หญิงอภิสมัย กล่าวว่า โรงพยาบาลกรุงเทพ มีโปรแกรม Change ทำหน้าที่ดูแลบำบัดรักษาสุขภาพของผู้ป่วยด้านจิตเวช เช่น ผู้ป่วยที่ติดสารเสพติด ผู้ป่วยไพโบลาร์ ผู้ป่วยที่เป็นโรคซึมเศร้า ทั้งนี้ การบำบัดรักษาสุขภาพของผู้ป่วยด้านจิตเวชมีเป้าหมายคือการเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ ในชีวิตประจำวัน โดยใช้หลักการรักษาด้วยการให้ผู้ป่วยจิตเวทตั้งเป้าหมายในชีวิต คือ สุขภาพร่างกายต้องแข็งแรง มีความจำดี สมองดี และ สุขภาพจิตดี อารมณ์ดี มองโลกในด้านดี นอกจากนี้ที่โรงพยาบาลกรุงเทพ ยังใช้ดนตรีบำบัดเพื่อช่วยรักษาภาวะทางอารมณ์ของผู้ป่วยจิตเวท
อาจารย์พิณนรี ยนตรรักษ์ นักดนตรีบำบัด ศูนย์จิตรักษ์กรุงเทพ โรงพยาบาลกรุงเทพ กล่าวว่า MUSIC THEREPY หรือ ดนตรีบำบัด เพื่อช่วยแก้ปัญหาผู้ที่มีพฤติกรรมทางด้านอารมณ์ เช่น ผู้ป่วยที่เป็นไพโบลาร์ ผู้ที่มีสมาธิสั้น ดนตรีสื่อถึงคนได้หลายๆแบบ โดยใช้ภาษาดนตรีเป็นหลักในการสื่อสาร ทั้งนี้ ดนตรีมีหลายองค์ประกอบ เริ่มที่จังหวะของดนตรีที่มีความช้า - เร็ว เป็นการแบ่งพื้นที่จากจุดหนึ่งไปอีกจุดหนึ่ง จังหวะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เข้าใจกันและกัน เพื่อสร้างความพอดีในชีวิต การใช้ดนตรีที่เสียงดัง กับ เสียงเบา โดยใช้เครื่องดนตรีโอเชี่ยนดรัม ช่วยทำให้เข้าใจอารมณ์ได้มากขึ้น เช่น เสียงคลื่น เสียงพายุ เป็นสัญลักษณ์ที่ทำให้เข้าใจอารมณ์และความรู้สึกข้างใน การฟังเพลง และ ทำนอง ( MELODY ) เสียงดนตรีจะให้ความรู้สึกที่ต่างกัน เนื่องจากแต่ละคนมีพื้นฐานและความรู้สึกที่ต่างกัน
นอกจากนี้ ดนตรีบำบัด ยังช่วยสร้างจินตนาการได้หลายแบบ ใช้เสียงเพลงได้ทุกเสียงเป็นการพูดคุยผ่านเสียงดนตรี เนื่องจาก ดนตรีเป็นสิ่งที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ เป็นการสื่อสาร ที่แสดงออกจากภายในมาสู่ภายนอก ขณะเดียวกัน ดนตรีบำบัดช่วยบรรยายความรู้สึก ช่วยบรรยายความคิดทดแทนคำพูด เป็นพื้นที่ที่แสดงความเป็นตัวของตัวเอง ไม่ต้องมีความกังวล
อาจารย์พิณนรี กล่าวเพิ่มเติมว่า ดนตรียังเป็นสัมพันธภาพเชิงบำบัด เปรียบได้กับบ้าน ที่มีความปลอดภัย เป็นตัวของตัวเอง กล้าที่จะแสดงออก เป็นที่ที่สบายใจ เป็นพื้นที่ของตัวเราเอง เหมือนเป็นเซฟโซน ขณะที่นักบำบัดสามารถใช้เครื่องดนตรีได้หลากหลายเพื่อใช้บำบัดผู้ป่วยจิตเวท อย่างไรก็ตาม การใช้ดนตรีบำบัดได้ผลดีต้องให้นักดนตรีบำบัดช่วยดูแลรักษา เพื่อป้องกันไม่ให้ผลเสียเกิดขึ้นทางด้านอารมณ์และร่างกาย ต้องเป็นเครื่องดนตรีที่หยิบจับได้ง่าย เพื่อให้ผู้ป่วยจิตเวทได้ถ่ายทอดอารมณ์ที่อยู่ข้างในออกมาทางเครื่องดนตรี ผ่านจังหวะ ทำนอง และ เสียงเพลง