ม.หอการค้าไทยเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ก.พ.66 สูงสุดรอบ 3 ปี จากมาตรการรัฐและการท่องเที่ยวหนุน
นายธนวรรธน์ พลวิชัย ประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่าดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน ก.พ.66 อยู่ที่ระดับ 52.6 เพิ่มขึ้นจากเดือนม.ค. ซึ่งอยู่ที่ระดับ 51.7 โดยเป็นการเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 9 และอยู่ในระดับสูงสุดในรอบ 3 ปี นับตั้งแต่ที่ประเทศไทยเริ่มประสบกับปัญหาการแพร่ระบาดจากโรคโควิด-19 ในช่วงต้นปี 63
ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวม อยู่ที่ 46.8 เพิ่มขึ้นจากระดับ 46.0 ในเดือน ม.ค.ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสในการหางานทำ อยู่ที่ 49.9 เพิ่มขึ้นจากระดับ 49.0 ในเดือนม.ค.66 และดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคต อยู่ที่ 61.2 เพิ่มขึ้นจากระดับ 60.2 ในเดือน ม.ค.จะเห็นได้ ดัชนีฯ โดยรวมดีขึ้นทุกตัว และสูงสุดในรอบ 36 เดือน นับตั้งแต่มี.ค.63 ปัจจัยบวกสำคัญ เช่น มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในปี 66 ที่ภาครัฐมีให้ประชาชนอย่างต่อเนื่อง เช่น ช้อปดีมีคืน, มาตรการลดภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง, จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาไทยมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น, ราคาพืชผลเกษตรหลายรายการปรับตัวดีขึ้น ส่งผลให้เกษตรกรมีรายได้สูงขึ้น และทำให้กำลังซื้อในต่างจังหวัดปรับดีขึ้น, ราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศเริ่มปรับตัวลดลง, เงินบาทอ่อนค่าเล็กน้อย
ทั้งนี้ปัจจัยลบที่สำคัญได้แก่ ผู้บริโภคยังรู้สึกว่าเศรษฐกิจฟื้นตัวช้า ตลอดจนปัญหาค่าครองชีพที่ปรับสูงขึ้น, สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เผย GDP ปี 65 ขยายตัวได้เพียง 2.6% ต่ำกว่าประมาณการเดิมที่คาดไว้ว่าจะขยายตัวได้ 3.2%, การส่งออกของไทยในเดือนม.ค.66 ลดลง 4.5% และความกังวลต่อสถานการณ์รัสเซีย-ยูเครน ที่อาจส่งผลต่อราคาน้ำมันและพลังงานโลกยังทรงตัวสูง ซึ่งกระทบต่อต้นทุนการผลิตสินค้า