รายงาน : พระมหากรุณาธิคุณช่วยราษฎร ต.นาประดู่ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี ได้มีน้ำกินน้ำใช้ตลอดทั้งปี
“ประชาชนในพื้นที่ได้ปรึกษากับคณะกรรมการชุมชนถึงความเดือนร้อนเรื่องน้ำสำหรับอุปโภคและบริโภค คือฤดูแล้งจะไม่มีน้ำต้องไปซื้อมาใช้ ในลำห้วยมีน้ำอยู่บ้างแต่ลึก และลำบากไม่สะอาดที่จะดึงมาใช้ อยากได้ฝายกั้นน้ำและระบบประปาหมู่บ้านที่สะอาดและทั่วถึง ชาวบ้านจึงมีความเห็นตรงกันว่าจะขอพระราชทานความช่วยเหลือ จึงได้ถวายฎีกาในหลวงเมื่อปี 2560 พอมาถึงปี 2563 พระองค์ก็รับไว้เป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ” นางวิภาวดี ประทีป ผู้ถวายฎีกาโครงการอาคารบังคับน้ำบ้านทุ่งนาพร้อมระบบส่งน้ำและอาคารประกอบอันเนื่องมาจากพระราชดำริ บ้านนาประดู่ หมู่ที่ 1 ตำบลนาประดู่ อำเภอโคกโพธิ์ จังหวัดปัตตานี กล่าวด้วยความปลื้มปีติ
โครงการอาคารบังคับน้ำบ้านทุ่งนาพร้อมระบบส่งน้ำและอาคารประกอบอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เป็นโครงการที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ รับไว้เป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เมื่อวันที่ 23 กันยายน 2563 ตามที่นางวิภาวดี ประทีป ราษฎรหมู่ที่ 6 ตำบลนาประดู่ อำเภอโคกโพธิ์ จังหวัดปัตตานี ได้มีหนังสือขอให้นำความกราบบังคมทูลพระกรุณาขอพระราชทานโครงการจัดหาแหล่งน้ำเพื่อช่วยเหลือราษฎรตำบลนาประดู่ ซึ่งขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภค ปีงบประมาณ 2566 ประธานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (กปร.) ได้อนุมัติงบประมาณเมื่อเดือนตุลาคม 2565 ให้แก่กรมชลประทาน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดทำแผนการจัดซื้อจัดจ้าง กำหนดกรอบระยะเวลาดำเนินการ 8 เดือน เมื่อโครงการแล้วเสร็จจะสามารถส่งน้ำสนับสนุนด้านการอุปโภคบริโภค โดยเฉพาะช่วงฤดูแล้งให้แก่ราษฎร หมู่ที่ 1 และหมู่ที่ 6 ตำบลนาประดู่ อำเภอโคกโพธิ์ จังหวัดปัตตานี รวม 5 ชุมชน ประกอบด้วย ชุมชนตลาดนัดนาประดู่ ชุมชนบ้านต้นเลียบ ชุมชนบ้านขาคีม ชุมชนหน้าวัด และชุมชนบ้านนาประดู่ จำนวน 561 ครัวเรือน ราษฎร 1,750 คน มีน้ำใช้อย่างเพียงพอตลอดทั้งปี นอกจากนี้ยังได้มีการจัดตั้ง “คณะกรรมการบริหารกลุ่มผู้ใช้น้ำโครงการอาคารบังคับน้ำบ้านทุ่งนาพร้อมระบบส่งน้ำและอาคารประกอบอันเนื่องมาจากพระราชดำริ” ขึ้นเพื่อร่วมบริหารจัดการน้ำให้เกิดประโยชน์สูงสุดทั่วถึงและเป็นธรรมต่อไป
“ประชาชนในพื้นที่จะทำสวนยางเป็นส่วนใหญ่ มีผลไม้บ้าง เช่น ปลูกทุเรียน เมื่อก่อนจะใช้น้ำบ่อ บางบ้านก็ขุดน้ำบาดาล แต่หน้าแล้งก็แห้งน้ำไม่เพียงพอ ทางเทศบาลก็มีน้ำประปาให้แค่บางหมู่บ้าน เนื่องจากส่งน้ำขึ้นที่สูงไม่ได้ ตอนนี้ได้น้ำแล้วมีการวางท่อประปาไว้หมดแล้ว น้ำที่นำมาทำน้ำประปายังไม่สะอาดเมื่อได้โครงการนี้มา ซึ่งจะมีการสร้างฝายกั้นน้ำและนำน้ำขึ้นมาผลิตน้ำประปาด้วย ก็จะมีน้ำสะอาดใช้ ส่วนหนึ่งก็ส่งไปตามคลองชลประทานเข้าแปลงเพาะปลูก ก็จะทำให้ทั้งคนและต้นไม้มีน้ำอย่างเพียงพอตลอดทั้งปี ทุกคนดีใจมากที่พระองค์รับโครงการนี้ไว้เป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ” นางวิภาวดี ประทีบ กล่าว
วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2566 ที่ผ่านมา พลเอก กัมปนาท รุดดิษฐ์ องคมนตรี ประธานอนุกรรมการติดตามและขับเคลื่อนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริในพื้นที่ภาคใต้ พลเอก เฉลิมชัย สิทธิสาท องคมนตรี รองประธานอนุกรรมการฯ พร้อมด้วยนางสุพร ตรีนรินทร์ รองเลขาธิการ กปร. และคณะอนุกรรมการ ได้เดินทางไปยังโครงการเพื่อรับทราบความคืบหน้าในการดำเนินงาน การนี้พลเอก กัมปนาท รุดดิษฐ์ องคมนตรี กล่าวกับราษฎรว่า กลุ่มผู้ใช้น้ำจะต้องทำหน้าที่อย่างเข้มแข็ง ที่สำคัญคือ โครงการนี้เป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทาน คณะที่เดินทางมาครั้งนี้ก็เพื่อติดตามว่าโครงการนี้ใช้ได้ตามวัตถุประสงค์ไหม มีปัญหาข้อขัดข้องอย่างไรบ้าง เพื่อจะได้ดำเนินการให้เป็นตามพระราชประสงค์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวต่อไป
“ขอฝากพวกเราว่า นี่คือพระมหากรุณาธิคุณของสถาบัน จะเห็นได้ว่าตั้งแต่ล้นเกล้ารัชกาลที่ 9 มากระทั่งถึงรัชกาลปัจจุบัน สถาบันพระมหากษัตริย์มีแต่ทรงเมตตา พระราชทานแนวทางที่ราษฎรถวายฎีกาต้องการความช่วยเหลือก็ขอให้พวกเราได้สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ และขอให้ช่วยกันปกป้องดูแลชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ให้อยู่คู่กับพวกเราตลอดไป สิ่งที่ทุกคนจะสนองต่อพระองค์ท่านได้คือขอให้ คิดดี ทำดี และเป็นคนดีของบ้านเมือง แค่นี้พระองค์ท่านก็จะพอพระทัยมาก พระองค์ท่านจะมีความสุขที่เห็นราษฎรอยู่อย่างมีความสุข ประเทศชาติมีความมั่นคง อยู่กันด้วยความรักสามัคคี และช่วยกันดูแลบ้านเมือง นี่คือสิ่งที่พระองค์ท่านปรารถนา” องคมนตรีกล่าว
สำหรับจังหวัดปัตตานี มีโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ รวม 96 โครงการ ที่เกิดจากพระมหากรุณาธิคุณของสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยเฉพาะโครงการพัฒนาแหล่งน้ำมีมากถึง 52 โครงการ รองลงมาคือโครงการด้านการส่งเสริมอาชีพ จำนวน 27 โครงการ (ข้อมูล ณ กรกฎาคม 2565) ซึ่งได้สร้างประโยชน์สุขให้แก่ราษฎรเสมอมาและสืบไป