ไรเดอร์ทุกแพลตฟอร์มแห่ร้องเรียน กขค. ระบุสัญญาไม่เป็นธรรมจากการเรียกเก็บค่าส่วนแบ่งรายได้และการกำหนดราคาร่วมกันจากผู้ประกอบธุรกิจให้บริการดิจิทัลแพลตฟอร์มรับและส่งอาหาร

นางจอมขวัญ นิธิอุทัย อิเดะ ผู้อำนวยการฝ่ายแสวงหาข้อเท็จจริงทั่วไป สำนักงาน กขค. เปิดเผยว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา นายพรเทพ ชัชวาลอมรกุล นายกสมาคมไรเดอร์ไทย นายประสิทธ์ จันทาเทพ รองนายกสมาคมแท็กซี่ยานยนต์ไฟฟ้า และนายสันติ ปฏิภาณรัตน์ นายกสมาคมผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ไฟฟ้า (EV) รับจ้างสาธารณะ รวมตัวไรเดอร์ทุกแพลตฟอร์ม เข้าร้องเรียน ณ สำนักงาน กขค. กรณีไรเดอร์ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการเรียกเก็บค่าส่วนแบ่งรายได้และกรณีการกำหนดราคาร่วมกันอย่างไม่เป็นธรรมจากผู้ประกอบธุรกิจให้บริการดิจิทัลแพลตฟอร์มรับและส่งอาหาร ซึ่งอาจเข้าข่ายลักษณะพฤติกรรมทางการค้าที่ไม่เป็นธรรมและอาจมีความผิดตาม พ.ร.บ.การแข่งขันทางการค้า พ.ศ.2560

นางสาวปิยาพัชร ทับอินทร์ หัวหน้ากลุ่มแสวงหาข้อเท็จจริง 2 สำนักงาน กขค. กล่าวว่า เรื่องร้องเรียนดังกล่าวแบ่งออกเป็น 2 กรณี 1.) กรณีไรเดอร์ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากผู้ประกอบธุรกิจให้บริการดิจิทัลแพลตฟอร์มรับและส่งอาหาร เช่น การเรียกเก็บค่า GP (Gross Profit) จากไรเดอร์, ส่วนแบ่งรายได้ที่ไรเดอร์ได้รับต่ำมาก, การแจกงานการรับส่งอาหารอย่างไม่เป็นธรรม, แพลตฟอร์มมีพฤติกรรมร่วมกันกำหนดราคาที่ไม่เป็นธรรม 2.) กรณีผู้ให้บริการรถรับจ้างไม่ได้รับความเป็นธรรมจากผู้ประกอบธุรกิจดิจิทัลแพลตฟอร์มให้บริการรถรับจ้าง เช่น กำหนดราคาค่าโดยสารต่ำกว่าความเป็นจริง

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.วิษณุ เลขาธิการ กขค.กล่าวว่า ในทางปฏิบัติเมื่อได้รับเรื่องร้องเรียนจากผู้ร้องแล้ว สำนักงาน กขค. จะดำเนินการพิจารณาข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายเบื้องต้นภายใน 1 สัปดาห์ และนำเสนอต่อ กขค.ทราบว่ามีเรื่องร้องเรียนเข้ามา จากนั้นจะใช้ระยะเวลาในการแสวงหาข้อเท็จจริงตามกรอบของกฎหมายโดยเร่งด่วนไม่เกิน 30 วัน เพื่อหาข้อเท็จจริงพร้อมเหตุผลประกอบเรื่องร้องเรียนดังกล่าวว่าเข้าข่ายการกระทำความผิดหรือไม่ หากพบว่าเข้าข่ายกระทำความผิดจริง ตาม พ.ร.บ.การแข่งขันทางการค้า พ.ศ.2560 สำนักงาน กขค.จะเสนอ กขค.พิจารณาดำเนินการตามกฎหมายในการตั้งคณะอนุกรรมการสอบสวนหรือคณะอนุกรรมการพิจารณาความผิดทางปกครองแล้วแต่กรณี แต่หากไม่เข้าข่ายการกระทำความผิดจะเสนอยุติเรื่องโดยทั้งนี้จะเป็นอำนาจของ กขค. ในการพิจารณา

ส่วนประเด็นเรื่องรอบฉายภาพยนต์ไทยที่กำลังเป็นประเด็นในสังคมอยู่ในขณะนี้ ทางสำนักงาน กขค. ได้เริ่มดำเนินการแสวงหาข้อเท็จจริงในเบื้องต้น และจะดำเนินการต่อไปตามกระบวนการที่กล่าวข้างต้น