วันที่ 8 มี.ค.66 รศ.นพ.นิธิพัฒน์ เจียรกุล หัวหน้าสาขาวิชาโรคระบบการหายใจและวัณโรค ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว นิธิพัฒน์ เจียรสกุล ระบุว่า...

ในเมื่อประชาชนที่ควรจะเป็นใหญ่ แต่กลุ่มคนที่ไปเป็นใหญ่เขายังไม่ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน พวกเราต้องหันมาดูแลตัวเองเพื่อลดความสูญเสียไปชั่วคราวก่อน พอถึงอีกสองเดือนข้างหน้า จะมีวันหนึ่งเรียกว่าวันเลือกตั้งทั่วไป จะมีกลุ่มคนที่เรียกว่าพรรคการเมืองยกยอให้ประชาชนเป็นใหญ่ได้หนึ่งวัน หลังจากนั้นเขาคงถีบหัวเราส่งเช่นเคย แต่พวกเราสามารถรวมตัวกันเปลี่ยนชะตากรรมนี้ได้ เหมือนการดูแลตัวเองในสถานการณ์วิกฤตฝุ่น PM2.5 ดังนี้

หมั่นตรวจสอบคุณภาพอากาศจากแหล่งข้อมูลของรัฐและเอกชน หรือใช้เครื่องวัดปริมาณฝุ่นแบบพกพา เพื่อวางแผนกิจวัตรประจำวันให้เหมาะสม

เมื่อค่า PM2.5 ในขณะนั้น (ค่ารายชั่วโมง) ขึ้นสูงเกินเกณฑ์ คือ

1. สูงกว่า 50 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร กลุ่มเสี่ยง (เด็ก คนท้อง ผู้สูงอายุ และผู้ที่มีโรคปอด-หัวใจ-ไต-สมองเรื้อรัง) งดทำกิจกรรมกลางแจ้ง คนทั่วไปลดและปรับเวลาทำกิจกรรมกลางแจ้ง โดยใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา

2. สูงกว่า 100 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ทุกคนต้องงดทำกิจกรรมกลางแจ้ง ยกเว้นคนที่ต้องทำหน้าที่บริการสาธารณะ ให้ใส่หน้ากาก N95 ตลอดเวลา

3. สูงกว่า 150 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ทุกคนควรอยู่ในตัวอาคารซึ่งติดตั้งระบบระบายและฟอกอากาศที่มีประสิทธิภาพเพียงพอ ยกเว้นคนที่ต้องทำหน้าที่บริการสาธารณะ ให้ใส่หน้ากาก N95 ตลอดเวลา และจำกัดช่วงเวลาปฏิบัติงานไม่ให้เกินครั้งละ 60 นาที

ขณะที่ปริมาณฝุ่นภายนอกขึ้นสูง ภายในตัวอาคารควรจัดให้มีระบบระบายและฟอกอากาศที่มีประสิทธิภาพเพียงพอ

ขณะที่ปริมาณฝุ่นขึ้นสูง การออกกำลังกายสม่ำเสมอจะช่วยให้ร่างกายเกิดพิษภัยได้น้อยลง หลีกเลี่ยงหรือลดเวลาการออกกำลังกายกลางแจ้งตามระดับเตือนภัยในข้อ 2. การออกกำลังกายในร่มควรจัดให้มีระบบระบายและฟอกอากาศที่มีประสิทธิภาพเพียงพอ

ดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอ จะช่วยเร่งการขับฝุ่น PM2.5 ที่เล็ดรอดเข้ากระแสเลือด ออกไปทางไตในรูปของปัสสาวะได้มากขึ้น

การกินผักและผลไม้ให้เพียงพอ จะช่วยเสริมการทำงานของระบบแอนติออกซิแดนท์ ซึ่งช่วยลดการทำลายเซลล์และเนื้อเยื่อจากพิษของฝุ่นได้

การอยู่ในบริเวณที่มีพืชใบเขียว จะช่วยการดูดซับฝุ่นในอากาศได้เพิ่มมากขึ้น

ถึงตรงนี้คงต้องท่องคาถา ตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตน จะไปหวังข้าราชการการเมืองและข้าราชการประจำที่ใส่เกียร์ว่างรอเลือกตั้ง คงสะบักสะบอมหนักกันไปเสียก่อน ดูคล้ายนักเตะทีมปิศาจแดงที่ถูกกล่าวหาว่าใส่เกียร์ว่างจนโดนคู่ปรับตลอดกาลถล่มยับ แต่ถ้ามองอย่างใจเป็นธรรม พวกเขาคงเหนื่อยล้าต่อเนื่องและต้องแบกรับความคาดหวังสูง ไม่เหมือนนักการเมืองไทยที่ระริกระรี้ทันทีเมื่อเสียงปี่กลองเลือกตั้งเริ่มดังขึ้น