จากกรณีนายปราปต์ปฎล สุวรรณบาง หรือ ปราปต์ นักแสดงรุ่นใหญ่ เปิดเผยถึงกรณีที่มีบุคคลใกล้ชิดเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม อ้างตัวเป็นที่ปรึกษา เรียกรับทรัพย์จำนวนหลักสิบล้านบาท เพื่อช่วยเหลือคดีฉ้อโกงประชาชนจากคดีแชร์ Forex-3D ของ น.ส.ภคมน สิลุน หรือ กู๋กี๋ แฟนสาวของปราปต์นั้น

ล่าสุด วันที่ 7 มี.ค.66 ที่กระทรวงยุติธรรม ถ.แจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ ว่าที่ ร.ต.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขาฯ รมว.ยุติธรรม เปิดเผยว่า จะมีการชี้แจงกรณีดังกล่าวโดยจะให้บุคคลที่ถูกนายปราบต์ปฎล กล่าวอ้างถึงทั้งทนาย ฮ. และน้อง ต.มาชี้แจงด้วย สำหรับในส่วนของตนเองนั้น จากการสอบถามทั้งทางทนายเฮง และน้อง ต. หรือคุณการ์ตูน ขอยืนยันว่า ตนไม่ได้เกี่ยวข้อง อีกทั้งตอนที่นายอภิรักษ์ โกฎธิ ผู้บริหาร Forex-3D ถูกติดตามจับกุม ตนก็มีส่วนดำเนินการเต็มที่ทั้งในการนำตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีและติดตามยึดทรัพย์ทั้งหมดที่เกี่ยวข้องในคดีเพื่อเฉลี่ยคืนผู้เสียหาย ส่วนรถยนต์หรู ยี่ห้อ แอสตันมาร์ติน ที่นายปราปต์ปฎล ได้มีการนำไปจอดไว้บ้านเพื่อนที่จังหวัดราชบุรีนั้น เจ้าหน้าที่ดีเอสไอได้ไปติดตามยึดทรัพย์สินที่มีความเกี่ยวข้องกับคดีแชร์ Forex-3D ซึ่งได้มีอยู่ในสำนวนแล้ว จนเป็นที่มาของการกล่าวโทษดำเนินคดี

ส่วนกรณีของทนายความ ฮ. ที่ถูกระบุว่าเป็นที่ปรึกษาเลขานุการรัฐมนตรีฯนั้น ว่าที่ ร.ต.ธนกฤต กล่าวว่า ทนายเฮง หรือ ทนาย ฮ. เป็นที่ปรึกษาของตนจริง และตนจะคอยปรึกษาทนายเฮงในหลายๆ คดีที่ประชาชนมาร้องทุกข์ ส่วนเรื่องที่ทนายเฮงถูกกล่าวอ้างว่าเรียกรับเงิน ตนได้สอบถามแล้ว เขายืนยันว่าไม่เคยคุยถึงการตบทรัพย์ และในวันที่มีการสนทนาเรื่องดังกล่าว คือ วันที่ 21 ส.ค.65 มีตัวละครในวงสนทนา 3 คน คือ 1.ว่าที่ ร.ต.กฤษดา กฤตเมธานนท์ หรือ ทนายเฮง 2.น.ส.ชิดชญา วณิชกิตติ์ หรือ การ์ตูน เพื่อนสนิทกู๋กี๋ และ 3.นายปราปต์ปฎล สุวรรณบาง หรือ ปราปต์ ทั้งหมดได้ไปนัดคุยกันถึงเรื่องคดีความ ในประเด็นที่กู๋กี๋อยู่ระหว่างการคุมขังในเรือนจำฯ ซึ่งต้องพูดตรงๆว่าเรื่องนี้ไม่ได้อยู่ในส่วนของกรมสอบสวนคดีพิเศษแล้ว ตรงนี้ค่อนข้างชัดเจนว่าไม่ใช่การวิ่งเต้น เพราะคดีอยู่ในชั้นศาลไปแล้ว

ว่าที่ ร.ต.ธนกฤต กล่าวอีกว่า ในวันที่ทั้งหมดได้มีการคุยกันที่ห้องอาหารนั้น นายปราปต์ ยังไม่ได้ตกเป็นผู้ต้องหาในคดีฟอกเงิน ดังนั้น การจะถือว่าเป็นการตบทรัพย์คงไม่ใช่ อีกทั้งที่ผ่านมาตนเป็นคนสาธารณะ อาจมีโดนป้ายสีบ้าง แต่ตนยินยอมให้มีการตรวจสอบ อย่างไรก็ตาม ตนไม่รู้จักนายปราปต์ปฎล เป็นการส่วนตัวแน่นอน ไม่มีเบอร์โทรศัพท์ หรือ ไลน์ ทั้งนี้ กระทรวงยุติธรรม และกรมสอบสวนคดีพิเศษ ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง หากใครมีหลักฐานว่ามีการเรียกตบทรัพย์ ขอให้ไปแจ้งความดำเนินคดีได้เลย แต่ถ้าไม่มีการดำเนินคดีแล้วทำให้พวกเขาได้รับความเสียหาย พวกเขาก็มีสิทธิที่จะดำเนินคดีกลับ แต่ถ้าคนของตนทำผิดจริง ก็ไม่ละเว้นแน่นอน ส่วนคดีฟอกเงินของนายปราปต์ เบื้องต้นทราบว่าอยู่ระหว่างการสรุปสำนวน

ส่วนก่อนหน้านี้ที่นายปราบต์ ได้ดำเนินคดีกับนายพงศธร อินอำนวย ผอ.ศูนย์คดียาเสพติด ดีเอสไอ ข้อหาปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เนื่องจากไปค้นที่ห้องพักของสาวประเภทสองที่เป็นเพื่อนกู่กี๋นั้น ว่าที่ ร.ต.ธนกฤต กล่าวว่า คดีนี้พนักงานสอบสวนสั่งไม่ฟ้องไปแล้ว เนื่องจากเป็นการเข้าไปปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย และนำค้นโดยสาวประเภมสองที่เป็นเจ้าของห้องอย่างถูกต้อง เพื่อให้นำของที่เกี่ยวข้องทางคดีออกมา โดยไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้

สำหรับคดี Forex-3D ยืนยันว่าดีเอสไอ ได้สืบสวนอย่างตรงไปตรงมาและจะดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องทุกคน และกำลังดำเนินการยึดทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดให้กับผู้เสียหายกว่า 12,000 คน และยึดมาได้พอสมควรแล้ว ซึ่งการดำเนินคดีกับผู้ต้องหาหลักที่ร่วมกับนายอภิรักษ์ โกฎธิ อดีตผู้บริหาร Forex-3D ซึ่งขณะนี้ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ในข้อหาฉ้อโกงไปแล้ว ส่วนการขยายผลก็จะมีกลุ่มคดีฟอกเงินที่กำลังดำเนินการสรุปสำนวนส่งฟ้องอัยการ

ด้าน น.ส.ชิดชญา วณิชกิตติ์ หรือ การ์ตูน พร้อมด้วยว่าที่ ร.ต.กฤษดา กฤตเมธานนท์ หรือ ทนายเฮง ผู้ที่ถูกนายปราปต์ปฎล กล่าวอ้างถึงได้นำหลักฐานการแชททางไลน์กับนายปราบต์ ในช่วงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา มาประกอบการชี้แจงด้วย โดยระบุว่าจุดเริ่มต้นที่ได้รู้จักกับนายปราบต์ คือเมื่อเดือนมิถุนายน โดยตนได้ทักไปหา "กู๋กี๋" แฟนสาวนายปราบต์ ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทกันเพื่อขอให้นายปราบต์ โปรโมทนาฬิกายี่ห้อหนึ่งที่ขายอยู่ เนื่องจากเห็นว่านายปราบต์ ใส่ยี่ห้อนี้เป็นประจำ โดยตนได้ให้สายนาฬิกายี่ห้อดังกล่าวเป็นระยะ และต่อมานายปราบต์ ยังมาขอนาฬิกาฟรีด้วย แต่ทาง น.ส.ชิดชญา ไม่สามารถให้ได้เนื่องจากไม่ใช่เจ้าของโดยตรง แต่สุดท้ายแฟนของนายปราบต์ ก็ได้ตกลงซื้อไป 1 เรือน เพื่อช่วยสนับสนุนตนเอง

หลังจากนั้นได้ทราบข่าวว่า กู๋กี๋ถูกดำเนินคดี ซึ่งรู้สึกตกใจและด้วยความเป็นห่วงเพื่อน จึงได้นัดหมายให้นายปราบต์ มาคุยกับทนายเฮง และตัวเองอยู่ด้วย เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2565 โดยนัดรับประทานอาหารกันที่โรงแรมแห่งหนึ่ง เป็นเวลานานกว่า 1 ชั่วโมง และตนเองเป็นคนที่ออกใช้จ่ายค่าอาหารให้เนื่องจากนายปราบต์ บอกว่าไม่มีเงิน โดยยืนยันว่า การพูดคุยครั้งนี้เป็นเพียงการสอบถามเรื่องเงื่อนไขการประกันตัวเท่านั้น โดยทนายเฮงก็ได้แนะนำเพียงว่า คดีนี้มีความเสียหายจำนวนมาก ทำให้วงเงินเงื่อนไขการประกันตัวก็ต้องใช้จำนวนมากเช่นกันเป็นหลักล้าน โดยที่ไม่ได้บอกจำนวนเงิน 10 ล้านบาท ตามที่นายปราบต์ กล่าวหา รวมทั้งไม่ได้มีการกล่าวอ้างถึงการวิ่งเต้นคดี หรือ พูดถึงผู้ใหญ่ในกระทรวงยุติธรรมเพื่อขอความช่วยเหลือ หรือวิ่งเต้นคดี ขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริง ไม่มีการตบทรัพย์ใดๆ ทั้งสิ้น ซึ่งคดีนี้จะวิ่งเต้นได้อย่างไร คดีนี้อยู่ในชั้นศาลแล้ว

ส่วนที่นายปราบต์ อ้างว่ามีการพูดถึง "ความยุติธรรม ต้องมีค่าใช้จ่าย" ทนายเฮง ยืนยันว่า ไม่ได้พูดถึง แต่หากตามหลักการว่าจ้างคดีความแล้วก็จำเป็นต้องมีค่าจ้างทนายความวิชาชีพ และค่าดำเนินการในชั้นศาลอยู่แล้ว แต่จะจำนวนเท่าไรก็ขึ้นอยู่กับการตกลงระหว่างคู่ความ โดยหลังจากนี้ทั้งสองคนก็จะไปแจ้งความดำเนินคดีกับนายปราบต์ ในข้อหา หมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา และพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ เนื่องจากถือว่าได้รับความเสียหายทั้งเรื่องชื่อเสียง และผลกระทบความน่าเชื่อถือทางธุรกิจ

"ส่วนเหตุการณ์วันนี้ที่เขาพูด ก็ไม่ทราบว่าเขาต้องการอะไร และที่เสียใจคือ ผมพยายามหาทางให้ผู้ใหญ่ช่วยเหลือกู๋กี๋เท่าที่จะทำได้ เพื่อให้กู๋กี๋ได้รับการประกันตัว แต่ทุกคนกลับได้รับผลกระทบจากเรื่องนี้ ทั้งนี้ หลังจากนี้จะไปฟ้องนายปราปต์ ผ่านศาลโดยตรงแทน"

น.ส.ชิดชญา กล่าวอีกว่า ภายหลังการพูดคุยในวันดังกล่าวเสร็จสิ้นนายปราปต์ ก็ไม่ได้ติดต่อกับตนมาเพื่อยืนยันคอนเฟิร์มอะไร นอกจากนี้ ในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา ยอมรับว่าสถานการณ์ก่อนหน้านี้ยังดีๆ กันอยู่ มีการถามไถ่เรื่องเงินค่าใช้จ่ายของกู๋กี๋ภายในเรือนจำ แต่มีเพียงในช่วงหลังที่นายปราปต์ ไม่ได้ตอบไลน์ตน จนกระทั่งมาเกิดเหตุการณ์ในเช้าวันนี้ ตนเสียความรู้สึกมาก ตนไม่ได้โกรธกูกี๋แต่โกรธนายปราปต์ และเสียความรู้สึกที่เขามองว่าความหวังดีของตนเปรียบตนเป็นเหมือนนกต่อเรียกตบทรัพย์