เมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สืบเนื่องวันที่ 30 ม.ค.2566 เวลาประมาณ 10.41 น.ได้รับแจ้งมีชายถูกทำร้ายที่บริเวณถนนใกล้ๆกับตลาดดาวเฮง  ต.ในเมือง อ.เมือง จ.เพชรบูรณ์ ทราบชื่อผู้บาดเจ็บ คือ นายศุภเดช คำพุฒ อายุ 69 ปี ผู้สื่อข่าวส่วนกลางหลายฉบับ และเป็นบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ชาวไทเพชรบูรณ์ และอดีตนายกสมาคมสื่อมวลชนฯ หลายสมัย ถูกคนร้ายใช้ของแข็งตีเข้าบริเวณศรีษะด้านขวา บาดเจ็บสาหัสนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลเพชรบูรณ์ กว่า 20 วัน


 และต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รวบรวมพยานหลักฐานจนสามารถขออนุมัติหมายจับจากศาลจังหวัดเพชรบูรณ์ได้ ชื่อนายน้ำตาล ( นามสมุติ ) อายุ 36 ปี  อยู่ที่ ต.หล่มสัก อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ ในฐานความผิดทำร้ายร่างกายผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน เป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กายสาหัส และทำให้เสียทรัพย์ และต่อมานายน้ำตาล (ผู้ต้องสงสัย )ได้เดินทางพร้อมทนายความเข้ามอบตัวกับพนักงานสอบสวน สภ.เมืองเพชรบูรณ์ ให้การปฏิเสธขอให้การในชั้นศาล และเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงควบคุมตัวนำผัดฟ้องฝากขังแล้ว 


ในวันนี้นายศุภเดช คำพุฒ ผู้เสียหายได้พาผู้สื่อข่าวลงพื้นที่จุดเกิดเหตุอีกครั้ง ก่อนเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น กับตนในวันเกิดเหตุ ซึ่งนายศุภเดช ฯ เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุได้มีผู้สื่อข่าว ที่รู้จักกับตนได้โทรมาว่าจะเข้ามาหาโดยนัดกับตนที่บริเวณใกล้กับจุดเกิดเหตุ หลังจากที่ตนขับรถกระบะออกจากร้านเพื่อมาบริเวณที่นัดหมาย ก็มีรถกระบะยี่ห้อฟอร์ดสีดำขับตามมา ก่อนที่รถกระบะคันที่ก่อเหตุ จะขับปาดหน้าตนและลงจากรถมาโดยใช้เหล็กแหลมเข้ามาทุบกระจกจำนวนหลายครั้ง จนทำให้กระจกแตก ก่อนที่ตนจะยื้อแย่งเหล็กดังกล่าวได้ ผู้ก่อเหตุจึงชกใบหน้าตัวตนหลายครั้งจนทำให้ตนเองนั้นได้รับบาดเจ็บ และตนเองได้ขับรถพยุงตัวไปที่โรงพยาบาลเพชรบูรณ์
       

ซึ่งนายศุภเดช คำพุฒ ยังเล่าต่ออีกว่า ก่อนที่จะถูกทำร้ายร่างกาย ตนนั้นเคยมีเรื่องเกี่ยวกับการเปิดโปงบ่อนการพนัน ในเขตรอยต่อตำบลบ้านโตก และตำบลวังชมภู  อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบูรณ์ ได้เพียง 3 วัน จึงอยากให้ทางเจ้าหน้าที่ดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุให้ถึงที่สุด เพราะทางตนเองนั้นก็เป็นถึงระดับบรรณาธิการข่าวในพื้นที่ ยังกล้าลงมือทำร้ายกระทั่งช่วงกลางวันแสกๆ โดยไม่เกรงกลัวกฎหมาย พร้อมทั้งอยากให้เจ้าหน้าที่ดำเนินคดีเกี่ยวกับข้อหาพยายามฆ่าอีกด้วย หลังจากที่ตนได้เข้ารักษาตัวนานกว่า 20 วัน กระทั้งออกจากโรงพยาบาลฯ วันนี้ได้เดินทางมาพร้อมกับนายสิทธิชัย  ต๊ะอาจ ทนายความส่วนตัว มาพบกับพนักงานสอบสวนเพื่อให้ปากคำเพิ่มเติม โดยเข้าพบกับ พ.ต.ท.วัชรินทร์ อินทรประพันธ์ รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.เมืองเพชรบูรณ์ และนำคลิปขณะถูกทำร้ายมาเพิ่มเติมในสำนวน และมอบคลิปภาพให้กับผู้สื่อข่าว 


ด้านนายสิทธิชัย  ต๊ะอาจ ทนายความ ได้กล่าวว่า ในวันนี้ตนได้พาผู้เสียหายเข้ามาพบกับพนักงานสอบสวน พร้อมสอบถามกับพนักงานสอบสวน ว่าผู้ก่อเหตุหรือคนที่ทางเจ้าหน้าที่ติดตามตัวมาดำเนินคดีนั้น ใช่คนที่ทำร้ายร่างกายผู้เสียหายที่แท้จริงหรือไม่ เจ้าหน้าที่ตำรวจยืนยันว่าจับไม่ผิดอย่างแน่นอน ในเบื้องต้นทางผู้ก่อเหตุนั้นยังไม่ให้การในชั้นสอบสวน ยืนยันว่าจะให้การในชั้นศาล ซึ่งคนร้ายรายนี้นั้น เป็นบุคคลตามหมายจับ และตามภาพจากกล้องวงจรปิด ที่ทางเจ้าหน้าที่นั้นไปตรวจสอบ ก่อนที่จะออกหมายจับ อีกทั้งตนและ ผู้เสียหายเดินทางมาในวันนี้นั้น ก็จะมายื่นขอความเป็นธรรมเกี่ยวกับข้อมูลในทางคดี พร้อมโต้แย้งเกี่ยวกับการตั้งข้อกล่าวหา


ซึ่งพนักงานสอบสวนได้ตั้งข้อหากับผู้ก่อเหตุเพียง ข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่นสาหัส จึงอยากขอความเป็นธรรมให้กับผู้เสียหายให้ทางเจ้าหน้าที่นั้นเปลี่ยนข้อหา เป็นข้อหาพยายามฆ่า เนื่องจากบริเวณที่ผู้ก่อเหตุกระทำการก่อเหตุนั้น อยู่บริเวณจุดที่สำคัญคือศรีษะมีบาดแผลเย็บกว่า 10 เข็ม  และหลังจากที่ผู้ก่อเหตุได้ใช้เหล็กทุบกระจกแล้วนั้น ผู้เสียหายได้พยายามแย่งเหล็ก หลังจากที่ผู้เสียหายแย่งเหล็กได้แล้วนั้น ผู้ก่อเหตุยังพยายามที่จะใช้กำลังต่อยผู้เสียหายหลายครั้ง และต่อยแบบไม่ยอมหยุด ซึ่งผู้ก่อเหตุได้หยุดกระทำเพียงเพราะ รถยนต์คันที่วิ่งตามหลังมาได้บีบแตรไล่ ผู้ก่อเหตุตกใจจึงหยุดทำร้าย และหลบหนีไป จึงอยากให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้น เปลี่ยนจากข้อหาทำร้ายร่างกายบาดเจ็บ เป็นพยายามฆ่าต่อไป และพร้อมเดินหน้ายื่นหนังสือขอความเป็นธรรม กับ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีฯ ,รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม  และทุกหน่วยงานทั้งส่วนกลาง และส่วนภูมิภาค จะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด ข่าวคืบหน้าผู้สื่อจะรายงานให้ทราบต่อไป.