นายอิศเรศ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า จากข้อเรียกร้องการกำหนดอัตราค่าไฟงวดเดือนพ.ค.-ส.ค.66 ซึ่งคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน(กกพ.) จะประชุมพิจารณาวันที่ 8 มี.ค.66 ต้องไม่สูงกว่า 4.72 บาท/หน่วย ทั้งครัวเรือน และภาคธุรกิจ หลังจากปรับราคาขึ้นมา 13% เมื่อเดือนม.ค.-เม.ย.66 เป็น 5.33 จากเดิม 4.72 บาท/หน่วยสำหรับภาคธุรกิจ

โดยสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ขอเสนอแนะมุมมองในการบริหารค่า FT ไฟฟ้า ในงวด 2/66 ต่อภาครัฐดังนี้ 1.ปรับลดค่า FT ของภาคธุรกิจให้กลับมายืนราคาไม่เกิน 93 สตางค์ เพื่อให้ค่าไฟฟ้าของภาคธุรกิจไม่สูงกว่า 4.72 บาท/หน่วย เหมือนงวด 3/65 (ก.ย.-ธ.ค.65) ด้วยเหตุผลปัจจัยบวกของต้นทุนการผลิตไฟฟ้า ในงวด2 /66 เทียบกับงวด 1/66 ประกอบด้วย ค่าพลังงาน ไม่ว่าจะเป็น LNG,ดีเซล,น้ำมันเตา และอื่นๆที่ลดลงของตลาดโลก ตลอดจนต่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น ส่วน NG ในอ่าวไทยที่จะมี Supply มากขึ้นในกลางปีนี้ตามลำดับ

2.การสนับสนุนจากภาคนโยบาย และเกี่ยวข้องที่ต้องจัดสรร NG จากอ่าวไทย มาผลิตไฟฟ้าภายในประเทศให้เต็มที่ รองรับ peak load ในช่วงฤดูร้อนนี้มากกว่าไปสนับสนุนอุตสาหกรรมปิโตรเคมีที่ส่วนใหญ่นำไปใช้ในการส่งออก และมีทางเลือกอื่นรองรับ 3.ภาคครัวเรือนของประชาชนไม่ควรต้องจ่ายค่าไฟฟ้าแพงกว่าเดิมที่ 4.72 บาท/หน่วย รวมทั้งกลุ่มเปราะบางที่ภาครัฐเคยตรึงราคาด้วยภาคอุตสาหกรรมห่วงใยผลกระทบต่อภาระค่าใช้จ่ายของครัวเรือนเช่นกัน ทั้งนี้ถือเป็นอำนาจของ กพช.ในการพิจารณาระดับราคาค่าไฟฟ้างวด 2/66 ของภาคครัวเรือน

4.การชำระหนี้ ตลอดจนปัญหาสภาพคล่องของ EGAT ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจ รับผิดชอบการผลิตและราคาไฟฟ้า ซึ่งถือเป็นสาธารณูปโภคพื้นฐานของประเทศควรประคองการคืนหนี้จากค่า FT ในระยะเวลาที่เหมาะสม ด้วยสถานการณ์ที่ต้นทุนพลังงานลดลงตามลำดับ จึงไม่มีความจำเป็นต้องเร่งคืนหนี้ให้ EGAT จากค่า FT เมื่อเทียบกับปัญหาเศรษฐกิจของประเทศโดยรวม ที่กำลังเจอภาวะการชะลอตัวจากการส่งออกตามภาวะตลาดโลก

โดยมุมมองทั้งหมดดังกล่าว ขอส่งไปสู่ผู้รับผิดชอบทั้งภาคนโยบาย และ กกพ.ด้วยเอกชนในนาม กกร.ไม่มีโอกาสได้ร่วมประชุมหารืออย่างพร้อมเพรียง 3 ฝ่าย ( ภาคนโยบาย,กกพ.กกร.) เพื่อแก้ปัญหาของประเทศร่วมกันอย่างสร้างสรรค์ตามที่เคยคุยกันไว้เมื่อ 31 ม.ค.66

ทั้งนี้มองว่า ปัญหาวิกฤตพลังงานและค่าไฟฟ้าของประเทศครั้งนี้ได้หมักหมมปัญหา สร้างความเหลื่อมล้ำของประเทศไว้มากมาย เราเร่งรอวันที่จะมีผู้รับผิดชอบที่กล้าหาญ และจริงใจในการหาทางออกต่อปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างจริงจัง มากกว่าที่เป็นอยู่ ตลอดจนไม่อยากเห็นภาวะที่เอกชน และประชาชน ต้องมานั่งลุ้น และภาวนา ตลอดจนพึ่งพิงปัจจัยบวกของค่าไฟฟ้าจากราคาพลังงานโลก ตลอดจนอัตราแลกเปลี่ยนที่อยู่นอกเหนือการควบคุมของเรา ทั้งๆที่ยังมีทางออกที่สามารถพึ่งพิงตัวเอง และป้องกันความเสี่ยงได้อย่างมากมายตามข้อเสนอที่เคยเสนอไปทั้งหมด แต่ไม่ได้รับการตอบสนองอย่างรวดเร็วและจริงจังจากผู้รับผิดชอบ