วันที่ 6 มีนาคม 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และสถาบันวิจัยเศรษฐกิจป๋วย อึ๊งภากรณ์ (PIER) เปิดบทวิจัยเรื่อง "หนี้ครัวเรือนไทย วิกฤติแค่ไหน ทำไมถึงไม่ควรมองข้าม" ว่า หนี้ครัวเรือน เป็นปัญหาคู่สังคมไทยที่หลายคนคงคุ้นหูกันอยู่แล้ว แต่ถามว่าปัญหาหนี้ของบ้านเราน่ากังวลหรือไม่ คงต้องมาดูใน 2 เรื่องหลัก
ซึ่งประกอบไปด้วย 1.คนไทยมีหนี้เยอะแค่ไหน และ 2.สถานการณ์หนี้คนไทยรุนแรงแค่ไหน โดยจากข้อมูลสินเชื่อในระบบที่อยู่ในเครดิตบูโร ณ เดือนมีนาคม 2565 มีคนที่มีหนี้สูงถึง 37% หรือราว 1 ใน 3 ของประชากรไทย หรือราว 25 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากปี 2560 ที่สัดส่วนอยู่ที่ 30% และสัดส่วนคนที่มีหนี้ก็เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ
นอกจากนี้ คนไทยยังมีหนี้ในปริมาณสูง โดยประมาณ 57% ของคนไทย ที่มีหนี้ มีหนี้เกิน 100,000 บาท และกลุ่มที่มีหนี้เกิน 1 ล้านบาท มีถึง 14% โดยมูลค่าหนี้เฉลี่ยต่อคนอยู่ที่ 520,000 บาท และในภาพรวมมูลค่าหนี้ของคนไทยเพิ่มขึ้นเป็นเกือบ 2 เท่าในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา
ทั้งนี้ หากดดูสัดส่วนคนมีหนี้แยกตามจำนวนบัญชีหนี้ที่มี พบว่า คนไทยที่มีหนี้โดยเฉลี่ย 3 บัญชีต่อคน และ 32% ของคนไทยที่มีหนี้ 4 บัญชีขึ้นไป และหากดูสัดส่วนบัญชีหนี้ แยกตามผลิตภัณฑ์ พบว่า คนไทยมีหนี้แยกตามผลิตภัณฑ์ ดังนี้ สินเชื่อส่วนบุคคล 39% บัตรเครดิต 29% การเกษตร 12% รถยนต์ 10% บ้าน 4% ธุรกิจ 2% มอเตอร์ไซค์ 2% โดย 2 ใน 3 ของบัญชีหนี้ครัวเรือนทั้งหมดของไทย อาจเป็นสินเชื่อที่ไม่สร้างรายได้ ประกอบด้วย สินเชื่อส่วนบุคคล และสินเชื่อบัตรเครดิต ขณะที่หนี้ที่สามารถสร้างรายได้ หรือความมั่งคั่งอย่างหนี้เพื่อธุรกิจและหนี้บ้านกลับมีสัดส่วนจำนวนบัญชีเพียงอย่างละ 4% เท่านั้นจากบัญชีทั้งหมด
ดังนั้นถ้าหากเทียบสัดส่วนมูลค่าหนี้บ้านของไทยและประเทศต่างๆ พบว่า ไทยมีสัดส่วนประมาณ 35% ญี่ปุ่น 62% สหรัฐฯ 73% แคนนาดา 73% และสหราชอาณาจักร 91% อย่างไรก็ดี ถึงแม้สัดส่วนหนี้บ้านของไทยจะเป็น 35% ของมูลค่าหนี้รวมทั้งหมด แต่เมื่อเทียบกลับกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วที่มีสัดส่วนหนี้ต่อจีดีพีใกล้เคียงกับไทย จะเห็นว่ามูลค่าหนี้ส่วนใหญ่ของประเทศเหล่านั้นเป็นหนี้บ้าน
ขณะเดียวกัน หากดูสัดส่วนคนไทยที่มีหนี้เสีย จากคนไทยที่เป็นหนี้ พบว่า 1 ใน 5 ของคนไทยเป็นหนี้เสีย โดย 20% ของคนไทยที่เป็นหนี้ในเครดิตบูโรกำลังประสบปัญหาเป็นหนี้เสีย และเมื่อเปรียบเทียบกลุ่มต่างๆ พบว่า เกษตรกรและผู้มีรายได้น้อย เป็น 2 กลุ่มผู้ที่มีสัดส่วนภาระหนี้ต่อรายได้สูง โดยกลุ่มเกษตรมีสัดส่วนหนี้ต่อรายได้อยู่ที่ 34% และกลุ่มผู้มีรายได้น้อยอยู่ที่ 41% ซึ่งเป็น 2 กลุ่มสำคัญที่ปัญหาหนี้อยู่ในระดับที่น่ากังวล