วันที่ 6 มี.ค.66 นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมืองและนักธุรกิจ โพสต์เฟสบุ๊กส่วนตัว "ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์" ระบุว่า...

3 วันแล้ว! รอชี้แจงของศักดิ์สยาม

ช่วงนี้มีสื่อเขียนข่าวโจมตีผมโดยเฉพาะ แต่ตัวผมเป็น “ระฆัง” ยิ่งตียิ่งดัง

ทำเป็นนับถอยหลัง รอใบเสร็จเงินทอน 30,000 ล้าน เรื่อง “รถไฟฟ้าสายสีส้ม”

จะช่วยเตือนความจำ เผื่อจะมโนได้เพิ่มตามสไตล์

เงินทอน คือ เงินที่ได้มาจากการทำสัญญาของ ผู้รับเหมากับหน่วยงานรัฐ

ในเมื่อรถไฟฟ้าสายสีส้มยังไม่ได้เซ็นสัญญา ลูกผีลูกคนอยู่ แล้วจะมีเงินทอนได้ไงครับ?

เขาแค่เตรียมการกันไว้ว่าจะทอน เลยงงว่าจะนับถอยหลังทำไม?

คันปากอยากจะด่าเต็มทน ก็ด่าเลยครับ ไม่ต้องรอ

แต่หากจะทำตัวเป็นประโยชน์ต่อบ้านเมืองและประชาชนบ้าง ต้องไปนับถอยหลังนายศักดิ์สยาม เจ้ากระทรวงคมนาคมที่ศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้หยุดปฎิบัติหน้าที่ และให้ชี้แจงภายใน 15 วัน

ควรพาดหัวว่า “3 วันแล้ว! ไหนคำชี้แจงซุกหุ้นของนายศักดิ์สยาม?”

เพราะเรื่องซุกหุ้น ตั้งนอมินี แล้วมารับงานในกระทรวงที่ตัวเองคุม “อัฐยายซื้อขนมยาย”

เป็นถึงเจ้ากระทรวง แต่เอางานที่ตัวเองบริหารจากเงินภาษีของประชาชน ส่งให้บริษัทที่ตัวเองตั้งนอมินีบังหน้า รับงานไปเสียเอง

มันทุเรศทุรัง โจ๋งครึ่ม อดอยาก นิสัยผู้รับเหมาเก่าไม่เลิกเอาเสียจริงๆ

แต่เรื่องประโยชน์บ้านเมือง สำนักนี้คงไม่อยากลงข่าว เพราะตอนนี้เน้นโจมตีเรื่องส่วนตัวเป็นหลัก ทำแบบนี้เป็นประจำกับทุกคนมาก่อน

คิดว่าผมจะเหนื่อยใจ แต่ดันชอบ ผมต้นทุนน้อยกว่าเยอะ

คงเหม็นหน้าผมเสียเต็มประดา เพราะนายสั่ง เลยใช้พื้นที่ด่าทุกเช้า ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ก็ชมผมอยู่ดีๆ

เปลี่ยนอุดมการณ์ง่ายเสียจริงๆ แค่ข้ามวัน ใครจะเชื่อว่าไม่มีเบื้องหลัง นี่สิครับของแท้

โถ ผมแค่ตัวคนเดียวเปล่าเปลี่ยวหัวใจ ไม่กล้าทะลึ่งไปเป็น “ตัวตึง” หรอกครับพี่

ส่วนจดหมายของกระทรวงคมนาคมที่ถามหาหลักฐาน ได้ฉีกโชว์สื่อที่หน้าทำเนียบไปแล้ว

ครบ 15 วัน ก็ไม่มีใครกล้ามาฟ้องผมหรอก เพราะนายศักดิ์สยามก็เด้งไปแล้ว และถ้าให้ผมเดาไม่ผิด คงจะถาวรยาวๆ ไปครับ

ส่วนรักษาการณ์คนใหม่ไฟแรง คงได้โอกาสจัดการเรื่องที่หมกไว้ใต้พรม แต่คงไม่ได้เซ็นสัญญารถไฟฟ้าสายสีส้มแล้วล่ะครับ เพราะไม่กล้า

อันมาจากเงินทอนที่ผมขู่ไว้หรือเปล่าไม่ทราบ

แต่เรื่องนี้มีประโยชน์กับประชาชนแน่นอน เพราะผลประโยชน์มหาศาล และจะโดนเรื่อง “ล็อกสเปก” ด้วย

ผมว่าน่าจะหมดยุคสื่อประเภทที่เอาเรื่องแค้นส่วนตัวมาใส่ให้ประชาชนอ่านแล้วนะครับ มันไร้สาระ ผมไม่ได้เจ็บเลยครับ

แต่เก็บแรงเอาไว้ทำเรื่องที่มีประโยชน์ให้สังคมดีกว่า ประชาชนแยกแยะได้อะไรเป็นอะไร

เห็นมีพระโชว์เต็มหิ้ง แนะนำสวดมนต์บ้างก็ดี อย่าเอาหลังพิงวัด แต่จิตใจรุ่มร้อน อายุก็ไม่น้อยกันแล้ว

ไปมัวเจ้าคิดเจ้าแค้นเป็นศัตรู สมองมันไม่เดิน เดี๋ยว “สังคมชั่ว” ไม่มีใครทอล์คนะครับ

มาทำประโยชน์ร่วมกันปราบคนโกงดีกว่า เหมือนสมัยที่ “พันธมิตร” ดังเมื่อ 20 ปีก่อน ผมก็อยู่กลุ่มเชียร์ เป็นประชาชนนะครับ

เพียงแต่ไม่ได้ไปปิดสนามบินกับเขาด้วย เพราะไม่เห็นด้วย ฝรั่งต่างชาติเดือดร้อนกันไปทั่วหมด ประเทศชาติบรรลัยฉิบหาย เพราะชอบปิดถนน ปิดสี่แยก

ตอนนี้เริ่มเข้าใจเหมือนผมหรือยัง ว่าล้วนถูกหลอกกันทั้งนั้น

ผมจึงไม่เคยขึ้นเวทีไหนกับเขา ทั้งที่มีคนชวนผมทุกเวทีเวลามีม็อบประท้วง

พันธมิตร คุณสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ก็ชวน เสียดายท่านที่เสียชีวิตไปแล้ว

กปปส. ลูกหมีก็ชวน

เสื้อแดง จตุพรก็ชวน

แต่ผมไม่ชอบขึ้นเวทีเป็น “ฮีโร่” ครับ เพราะ ฮีโร่ไปเร็ว พอจับได้ไล่ทัน บรรดาฮีโร่โพกหัวทั้งหลายกระแสตก คุกมาแทน

มาช่วยกันปราบทุจริตคอรัปชั่นกับผมดีกว่า

ทั้งโกงเชิงนโยบาย (กัญชา)

โกงต่อหน้า (รถไฟฟ้าสายสีส้ม)

โกงรับเหมา (คมนาคม)

รวมทั้งโกงหุ้น (ตลาดหุ้น เงินกู้ แต่ไม่แจ้งที่ประชุมผู้ถือหุ้น)

มันเยอะมากครับ สารพัดโกง มาช่วยกันปราบดีกว่ามานั่งด่าผม

เพราะยังไงๆ ผมก็ไม่สนเงินทอง วาสนา คะแนนก็ไม่ได้ เพราะไม่ได้เล่นการเมือง ไม่สนกระแส จะด่าให้ตาย แต่หน้าผมด้าน และยังอยู่บนบ่าที่เดิม

ส่วน “หิวแสง” ผมมีแสงมานาน แต่ผมเป็นคนคุม “ปีศาจแสง” ในตัวไว้เสมอ

เพราะ ปีศาจ หรือที่เรียกว่า “อัตตา” มันทำให้เสียคนมามากแล้ว

ยิ่งตอนแก่ ปีศาจที่อยู่ในตัวมันยิ่งแข็งแกร่ง ในขณะที่ตัวเรายิ่งอ่อนแอ

เขาเรียกว่า “ของเข้า” ครับ

 

 

ขอบคุณข้อมูล/ภาพ : เพจเฟซบุ๊ก ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์