จากกรณีที่ นายอุทิศ หรือโหน่ง พนักงานผู้ช่วยทันตกรรม รพ.ในเมืองระนอง มือปืนกระหน่ำยิงตำรวจท่องเที่ยวหนุ่มและนักศึกษาสาวเสียชีวิตคาที่ ล่าสุดหลังทนแรงกดดันจากชุดสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดระนองไม่ไหว ติดต่อมารดาพร้อมทนาย พาเข้ามอบตัวกับ พล.ต.ต.เชิดพงษ์ ชิวปรีชา ผบก.ภ.จว.ระนอง แล้ว พร้อมควบคุมตัวสอบปากคำเข้ม ที่สภ.เมืองระนอง สารภาพเหตุแค้นและเสียศักดิ์ศรี จึงบันดาลโทสะก่อเหตุสะเทือนใจ
วันที่ 5 มีนาคม 2566 เวลา 13.00 น. พล.ต.ต.เชิดพงษ์ ชิวปรีชา ผบก.ภ.จว.ระนอง ได้รับการประสานจากญาติ นายอุทิศ หรือโหน่ง ผู้ช่วยทันตกรรม มือปืนกระหน่ำยิงตำรวจท่องเที่ยวหนุ่มและนักศึกษาสาวเสียชีวิตคาที่ แล้วหลบหนี เมื่อกลางดึกคืนวันอาทิตย์ที่ 26 ก.พ.66 ที่ผ่านมา จึงสั่งการให้ พ.ต.อ.วัฒนา เม้าศรี ผกก.สืบสวน ภ.จว.ระนอง พร้อมกำลังชุดราชเดช หน่วยปฎิบัติบัติการพิเศษ เดินทางเข้าไปรับตัว ผู้ต้องหาตามหมายจับ ที่ซอยท่าครอบ ต.ทรายแดง อ.เมืองระนอง จ.ระนอง ห่างกับจุดที่ทิ้งรถหลบหนีประมาณ 3 กม.
โดยขณะมอบตัวยังอยู่ในอาการสั่นและตกใจ ส่วมเสื้อสีฟ้าแขนยาว กางเกงสามส่วนสีดำ สวมหมวกลายพรางทหาร ปิดหน้าตา โดยมีมารดา และทนายความ รอส่งมอบตัวกับเจ้าหน้าที่ที่เดินทางไปรับตัว ก่อนนำขึ้นรถตู้ตำรวจ และเร่งเดินทางมาที่ สภ.เมืองระนอง พื้นที่ก่อเหตุโดยทันที จากนั้นนำตัวขึ้นไปที่ห้องสอบสวน ชั้น3 เพื่อทำการสอบปากคำเบื้องต้น มีทนายและบิดามารดาของผู้ต้องหาร่วมฟังการสอบปากคำภายในห้อง ซึ่งทางตำรวจขอทำการสอบสวนข้อสงสัย และทำสำนวนให้แล้วเสร็จก่อน จะเปิดแถลงข่าวในเร็วๆนี้
เบื้องต้น พล.ต.ต.เชิดพงษ์ ชิวปรีชา ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวสั้นๆว่า ก็อย่างที่บอกในคราวแรกว่า เรามีหลักฐานการกระทำความผิดมากมาย ผู้ต้องหาอย่างไรเสียก็ต้องมามอบตัวเอง คือผู้ก่อเหตุไม่ใช่อาชญากรโดยสันดาน กระทำไปด้วยศักดิ์ศรี ดังนั้นเพียงหาทางออกให้เท่านั้น ตอนนี้เริ่มสอบปากคำหาพยานหลักฐานที่ตกหล่นอยู่ ซึ่งมีแนวทางการสอบอยู่แล้ว ในส่วนจะมีผู้กระทำผิดรายอื่นร่วมหรือไม่ ขอทำการขยายผลก่อน
ซึ่งหลังจากการสอบปากคำแล้ว เจ้าหน้าที่พยายามรวบรวมหลักฐาน ทั้งค้นหาอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุ กล้องวงจรปิดที่เชื่อมโยงเหตุ และประจักษ์พยานหลักฐานอื่นๆที่สำคัญ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป