นางสาวชมภารี ชมภูรัตน์ อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา เปิดเผยว่า ประเทศไทยจะสิ้นสุดฤดูหนาวและเริ่มเข้าสู่ฤดูร้อนในวันที่ 5 มีนาคมนี้ ซึ่งในตอนกลางวันพื้นที่ส่วนใหญ่บริเวณประเทศไทยตอนบน จะมีอากาศร้อนโดยทั่วไปอย่างต่อเนื่อง และมีอุณหภูมิสูงสุดตั้งแต่ 35 องศาเซลเซียสขึ้นไป ประกอบกับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมประเทศไทยตอนบนได้เปลี่ยนเป็นลมตะวันออกเฉียงใต้ หรือ ลมฝ่ายใต้พัดปกคลุม ซึ่งเป็นการเข้าสู่ฤดูร้อนของประเทศไทย แต่อย่างไรก็ตาม บริเวณภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ยังคงมีอากาศเย็นในตอนเช้า ส่วนบริเวณยอดภูและยอดดอย รวมทั้งเทือกเขายังคงมีอากาศหนาวเย็นต่อไปอีกระยะหนึ่ง และคาดว่าฤดูร้อนจะสิ้นสุดประมาณกลางเดือนพฤษภาคม 2566

สำหรับการเข้าสู่ฤดูร้อนของประเทศไทยในปีนี้ ถือว่าช้ากว่าที่คาดการณ์ไว้คือ ช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ สาเหตุมาจากปรากฎการณ์เอลนีโญ่ และลานิญ่าเป็นช่วงของการเปลี่ยนผ่าน ประกอบกับปรากฎการณ์ความกดอากาศต่ำบริเวณขั้วโลก ทั้งนี้อุณภูมิสูงสุดเฉลี่ยของไทยในปีนี้อยู่ที่ 35.5 องศาเซลเซียสใกล้กับค่าปกติ 35.4 องศาเซลเซียส จังหวัดที่คาดว่าอุณหภูมิจะสูงที่สุด 40-43 องศาเซลเซียส ได้แก่ จังหวัดสุโขทัย ตาก ลำปาง และแม่ฮ่องสอน

โดยกรุงเทพมหานครและปริมณฑล อุณหภูมิสูงสุด 38-39 องศาเซลเซียส พร้อมย้ำให้ประชาชนระวังพายุฤดูร้อนที่จะเกิดขึ้นในหลายพื้นที่ ส่งผลให้เกิดฝนฟ้าคะนองมีลมกระโชกแรง มีลูกเห็บตกในบางแห่ง แต่ปริมาณฝนถือว่ายังไม่เพียงพอต่อความต้องการในหลายพื้นที่ อากาศจะร้อนจัดในหลายพื้นที่เฉลี่ย 40 – 43 องศาเซลเซียส ขณะที่ภาคใต้ปลายเดือนมีนาคมถึงสิ้นเมษายนจะมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 20 – 30 จากนั้นกลางเดือนพฤษภาคมฝนจะเริ่มตกชุกกว่าร้อยละ 60 -80