วันที่ 2 มี.ค.66 เวลา 11.00 น.ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล  นายสันธนะ ประยูรรัตน์ อดีตตำรวจสันติบาล เดินทางมายื่นหนังสือพลตำรวจโท ธิติ  แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เพื่อให้เร่งรัดคดีที่ได้ร้องทุกข์กล่าวโทษ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ และพวกรวม 9 คดี 

เมื่อนายสันธนะ เดินทางมาถึงบริเวณหน้า บช.น. นายชูวิทย์ ปรี่พุ่งเข้าหาทันทีเพื่อจะเขาหาตัวนายสันธนะ ระหว่างนั้นนายสันธนะ พยายามเลี่ยงการปะทะ ก่อนจะพยายามเดินหลบเข้าไปภายในตัวอาคาร ขณะเดียวกันมีกำลังตำรวจหลายสิบนายพยายามเข้าป้องกันการปะทะของทั้ง 2 คน แต่เบื้องต้นจะเห็นได้ว่า คนที่เข้าปะทะแทน คือผู้ติดตามของนายสันธนะ ในลักษณะของการล็อกคอ ตอบโต้กันระหว่างนายชูวิทย์กับผู้ติดตามของนายสันธนะ

จากนั้นนายชูวิทย์ เดือดต่อเนื่อง ก่อนที่จะถอดเสื้อเชิ้ต พร้อมทาน้ำมันมวย แล้วเปลี่ยนเป็นใส่เสื้อกล้าม และใส่นวม ซึ่งนายชูวิทย์ ได้เตรียมนวมมาให้นายสันธนะด้วย พร้อมตะโกนท้าทายให้มาตัวต่อตัว ก่อนที่จะโยนนวมให้นายสันธนะที่อยู่อีกฝั่งระหว่างการให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน ซึ่งมีกำลังตำรวจของ บช.น.วางกำลังป้องกันการปะทะตลอดเวลา

นายชูวิทย์ ยืนยันว่าการกระทำเช่นนี้ ไม่ใช่การใช้ความรุนแรง ไม่ได้ใช้กำลัง แต่เป็นวิถีของลูกผู้ชาย พร้อมกับตะโกนท้าทาย ไอ้สันขวาน มาเลยๆ ตัวต่อตัว แค่ชกมวยแค่นี้ กลัวเหรอ มาเลย ไหนว่าเรียนตำรวจมา” พร้อมโชว์สเต็ปมวยรออย่างต่อเนื่อง

ช่วงหนึ่งขณะที่นายสันธนะ ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนอยู่นั้น ได้หันมาตะโกนตอบโต้แต่ไม่ปะทะกับนายชูวิทย์ พร้อมชี้หน้า ระบุว่า “มึงอย่าหยุดนะ มึงไปให้ให้สุด แล้วเดี๋ยวเจอกันที่ศาลหรือคุก”

ซึ่งนายชูวิทย์ ได้เลียนเสียงนายสันธนะว่า “มึงอย่าหยุดนะ โอโห สุดๆเลยเหรอ กูมาเจอตรงนี้ มึงยังไม่เจอกูเลย ไอ้ควาย” จากนั้นนายสันธนะ ตอบกลับว่า “ตรงไหนก็ได้ แต่ไม่ใช่ตรงนี้ เพราะ บช.น. เคยเป็นที่ทำงานเก่าของกู กูให้เกียรติน้องๆทุกคน

โดยช่วงนั้นนายสันธนะ มีอารมณ์เดือดเช่นกัน ก่อนจะหันกลับไปหาตำรวจ บช.น. บอกว่าให้เพิ่มอีก 1 ข้อหานายชูวิทย์ จาก 9 คดี เป็น 10 คดี เนื่องจากว่าพฤติกรรมของนายชูวิทย์วันนี้เข้าข่ายหมิ่นประมาทตน ซึ่งประเด็นนี้นายชูวิทย์ระบุว่า “ไม่สยิว”

จากนั้นนายสันธนะ เดินทางกลับ พร้อมย้ำชัดอีกว่าพร้อมเสมอ แต่ไม่ใช่ที่นี่ และยืนยันว่าไม่ได้ถอยเพื่อกลับไปตั้งหลัก