วันที่ 2 มี.ค.66 เพจเฟซบุ๊ก GISTDA สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) โพสต์ข้อความระบุว่า...

ไทยยังครองอันดับหนึ่ง พบจุดความร้อนวานนี้กว่า 3.2 พันจุด...พื้นที่ป่าอนุรักษ์ยังมากสุดกว่า1.8 จุด

GISTDA เผยข้อมูลจากดาวเทียมซูโอมิ เอ็นพีพี (Suomi NPP) ของวันที่ 1 มีนาคม 2566 ไทยพบจุดความร้อน จำนวน 3,265 จุด ตามด้วย สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ จำนวน 2,691 จุด สปป.ลาว 2,345 จุด กัมพูชา 1,965 จุด และเวียดนาม 413 จุด

สำหรบจุดความร้อนในประเทศไทย ส่วนใหญ่พบในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ 1,810 จุด, พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ 840 จุด, พื้นที่เกษตร 240 จุด, พื้นที่ชุมชนและอื่นๆ 195 จุด, พื้นที่เขต สปก. 168 จุด และพื้นที่ริมทางหลวง 12 จุด ในส่วนของจังหวัดที่พบจุดความร้อนมากที่สุด 5 อันดับคือ #กาญจนบุรี 498 จุด, #ตาก 367 จุด #อุตรดิตถ์ 200 จุด #น่าน 188 จุด และ #เพชรบูรณ์ 174 จุด ตามลำดับ

ส่วนค่าฝุ่น PM2.5 เมื่อตรวจสอบจากแอปพลิเคชัน “เช็คฝุ่น” เมื่อเวลา 9:00 น. พบว่าในหลายจังหวัดทางภาคเหนือ อาทิ #น่าน #พะเยา #เชียงราย #แพร่ #ตาก #ลำพูน #ลำปาง #ลำปาง #เชียงใหม่ อยู่ระดับสีแดงที่มากกว่า 90 ไมโครกรัม ซึ่งมีผลต่อสุขภาพแล้ว ในขณะที่ทุกพื้นที่ของกรุงเทพมหานคร อยู่ระดับสีส้มที่เริ่มจะมีผลต่อสุขภาพ อย่างไรก็ตาม ก่อนออกจากบ้านควรสวมหน้ากากอนามัยทุกครั้งเพื่อป้องกันโรคระบบทางเดินหายใจที่อาจจะตามมา

สิ่งหนึ่งที่ต้องเฝ้าระวังที่มักจะมากับเหตุการณ์ไฟป่าและจุดความร้อนคือ PM 2.5 สถานการณ์การจุดความร้อนจากประเทศเพื่อนบ้านอาจส่งผลให้เกิด PM 2.5 ได้ในพื้นที่บริเวณชายแดนเนื่องจากได้รับอิทธิพจากประแสลมที่จะพัดผ่านเข้ามา ปัญหาไฟป่าหมอกควัน ส่งผลกระทบให้กับระบบต่างๆ ของประเทศมาโดยตลอด โดยเฉพาะระบบเศรษฐกิจ ระบบสังคม ดังนั้น ในอนาคตอันใกล้นี้ ประเทศไทยกำลังจะได้ใช้ระบบ THEOS-2 อย่างเต็มรูปแบบ ซึ่ง 1 ในภารกิจสำคัญของระบบนี้ คือการสำรวจ วิเคราะห์ และติดตามสถานการณ์ภัยพิบัติที่เกิดขึ้นหรือคาดว่าจะเกิดขึ้น ได้อย่างทันท่วงทีและแม่นยำ เพื่อการสนับสนุนข้อมูลสำคัญให้กับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้นำข้อมูลไปใช้วางแผน ป้องกัน บรรเทา และแก้ไขปัญหาได้ตรงจุดมากยิ่งขึ้น