กระแสข่าวลือ การย้าย 2 นายพลเรือ สังเวย เหตุ เรือหลวงสุโขทัยอับปาง ที่สะพัดใน ห้วงสัปดาห์ ที่ผ่านมาหลังจบการอภิปรายทั่วไป สะท้อนว่า “มีอะไรในกอไผ่” และคลื่นลม ในกองทัพเรือ ยังคงแรง
จู่ๆ ก็มีข่าวในหน้าสื่อบางสำนักว่า “บิ๊กจ๊อด” พล.ร.อ. เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ ผบ.ทร. ได้เสนอย้าย “บิ๊กดุง” พล.ร.อ.อะดุง พันธุ์เอี่ยม ผบ. กองเรือยุทธการ (ผบ.กร.) ที่เป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุด ที่คุมเรือรบ และ “บิ๊กล้อ” พล.ร.อ.พิชัย ล้อชูสกุล ผบ.ทัพเรือภาค1 ที่ถือเป็นผู้บังคับบัญชาโดยตรง พ้นเก้าอี้
ที่ทำให้ ทหารเรือแตกตื่น เพราะ พล.ร.อ. อะดุง เป็น แคนดิเดท ผบ.ทร.คนต่อไป ยิ่งตัว พล.ร.อ. อะดุง เอง และ เพื่อนร่วมรุ่น เตรียมทหาร 23 ต่างก็แตกตื่น เพราะที่ไม่คิดว่า จะเป็นไปได้ ด้วยเพราะเป็นที่รู้กันดีว่า พล.ร.อ. อะดุง ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการสั่งการใดๆที่ผิดพลาด เพราะอำนาจในการสั่ง ไม่ได้อยู่ที่ ผบ.กร. แต่ อยู่ที่ ผบ.ทัพเรือภาค ที่คุมโดยตรง เพราะที่อยู่ในข่ายที่อาจจะต้อง รับผิดชอบคือ พล.ร.ท.พิชัย เพราะคำให้การของ ผู้การเรือหลวงสุโขทัย และกำลังพลที่รอดชีวิตนั้น เป็นผู้ประสานสั่งการโดยตรง
อีกทั้ง พล.ร.ท.พิชัย ก็จะเกษียณราชการตุลาคมนี้แล้ว และเดิมก็คาดการณ์ว่าจะไม่ได้เป็น พล.ร.อ.ก่อนเกษียณ การโยกย้าย พล.ร.ท.พิชัย จึงอาจจะลดแรงกดดัน และกระแสเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ รับผิดชอบ ในฐานะ รมว. กลาโหม
ดังนั้นในเมื่อเพื่อนร่วมรุ่นเตรียมทหาร 23 จะไม่เชื่อว่าตัวเองเชิงชาย จะโยกย้ายพล.ร.อ. อะดุง จริง เพราะไม่ได้ผิดอะไร
ประกอบกับ คณะกรรมการสอบสวนฯของกองทัพเรือ ที่ไม่พบว่า พล.ร.อ. อะดุง ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ มีความผิด
แต่ พล.ร.อ. เชิงชาย ผบ.ทร. ไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธ กระแสข่าวการเด้ง 2 นายพลเรือดังกล่าว แต่ระบุว่า “ให้รอดู” ก็ยิ่งทำให้ กระแสข่าวลือนี้ยิ่งสะพัด เพราะ สื่อถามย้ำ พล.ร.อ.เชิงชายถึง 2 ครั้งก็ได้คำตอบว่า ให้รอดูเช่นเดิม จึงยังทำให้กระแสข่าวยิ่งสะพัดต่อไปอีก
เพราะหากไม่ย้าย พล.ร.อ. อะดุง ก็อาจจะย้าย พล.ร.ท.พิชัย เพื่อเป็นการแสดง ให้เห็นว่ากองทัพเรือ ไม่ได้ปล่อยผ่าน หรือช่วยเหลือกัน แม้ว่าคณะกรรมการสอบสวนยังไม่อาจสรุปผลได้เพราะต้องรอการกู้เหลือขึ้นมาก่อนก็ตาม จากที่ พล.ร.ท. พิชัย จะได้เป็น พล.ร.อ. ก่อนเกษียณ ต.ค.นี้ แต่ก็จะเกษียณ ใน ยศพลเรือโท จนมีข่าวว่าพล.ร.ท.พิชัย จะลาออก ก่อนเกษียณ เพราะน้อยใจ ที่กลายเป็น แพะรับบาป เพราะก็มั่นใจว่าตนเองไม่ได้ทำผิดอะไร
อีกทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ว่า จะยังไม่มีการโยกย้าย นายทหารเรือที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์เรือหลวงสุโขทัยอับปาง เนื่องจากคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงฯ ยังไม่สรุปผลออกมา เพราะต้องรอการกู้เรือ ขึ้นมาเป็นวัตถุพยานก่อน แต่สิ่งที่ยังถูกจับตามองและเป็นผลพวงของกระแสข่าวลือนี้ คือ มียุทธการ เลื่อยขาเก้าอี้ พล.ร.อ. อะดุง หากมองในประเด็นที่เป็นแคนดิเดต ผบ.ทร. แต่ พล.ร.อ. อะดุง ก็ไม่ใช่เต็งหนึ่ง แต่เป็น “บิ๊กโอ๋” พล.ร.อ.ชลธิศ นาวานุเคราะห์ เสธ.ทร. เพื่อนร่วมรุ่นเตรียมทหาร 23 ที่มีอายุราชการถึงตุลาคม 2568 ส่วนพล.ร.อ. อะดุง เกษียณ 2567 เท่านั้น
แต่แนวโน้ม จึงกลายเป็น เรื่องคาใจระหว่างเตรียมทหาร 23-24 เพราะในกระแสข่าว ที่ออกมาหน้าสื่อนั้น ระบุว่า หาก พล.ร.อ.อะดุง ถูกย้าย ก็จะย้ายสลับ กับ “บิ๊กน้อย” พล.ร.อ.วรวุธ พฤกษารุ่งเรือง หัวหน้าคณะนายทหารฝ่ายเสนาธิการประจำ ผู้บังคับบัญชา รุ่นน้อง ตท.24 ที่เคยมีชื่อเป็นแคนดิเดตชิง ผบ.กร. ในการแต่งตั้งโยกย้ายปลายปีที่แล้ว
เพราะ พล.ร.อ.วรวุธ ถูกมองว่า “บิ๊กเฒ่า” พล.ร.อ.สมประสงค์ นิลสมัย อดีตผบ.ทร. คนก่อน วางตัวไว้ เพื่อให้ขึ้นมาเป็นแคนดิเดต ผบ.ทร. อีกคน เพราะมีอายุราชการถึง 2568 จากที่ แคนดิเดต ผบ.ทร. มี2 คน คือ พล.ร.อ.ชลธิศ และ “บิ๊กวิน” พล.ร.อ.สุวิน แจ้งยอดสุข ผู้ช่วย ผบ.ทร. แม้ว่า พล.ร.อ.วรวุธ จะไม่ได้เกี่ยวข้องกับกระแสข่าวที่ออกมาก็ตาม แต่ก็ทำให้บรรยากาศ ความสัมพันธ์ระหว่างพล.ร.อ.อะดุง กับ พล.ร.อ.วรวุธ ไม่เหมือนเดิม
อย่างไร ตาม ประเพณีการโยกย้ายกลางปี จะไม่โยกย้ายตำแหน่งหลัก โดยเฉพาะ ท็อปไฟ้ว์ แต่ เคยมีประวัติศาสตร์ในยุค พล.ร.อ. สมประสงค์ ก็เคย โยกย้าย กลางปีแบบ สึนามิกองทัพเรือมาแล้ว ดังนั้น พล.ร.อ.เชิงชาย ก็อาจจะเดินตามรอย พล.ร.อ.สมประสงค์ มีการโยกย้าย ตำแหน่งหลัก
อีกทั้งต้องสนับสนุน พล.ร.อ.วรวุธ ให้ขึ้น 5 เสือ แต่น่าจะเป็นโยกย้ายปลายปี เพราะ ถึงอย่างไร พล.ร.อ.สมประสงค์ ก็มีบุญคุณและ เป็นคนที่ ชุบชีวิต พล.ร.อ.เชิงชาย จนได้กลับมาเป็น ผบ.ทร. โดยโยกย้ายกลางปีให้กลับจาก รองเสนาธิการทหาร กองบัญชาการกองทัพไทยมาเป็นผู้ช่วย ผบ.ทร. และดันขึ้นเป็น ผบ.ทร. พรุ่งนี้ในการโยกย้ายตุลาคม 2565
ดังนั้นในการโยกย้ายปลายปีก็คาดว่า พล.ร.อ.เชิงชาย ก็จะทำตามสัญญาใจที่มีกับพล.ร.อ.สมประสงค์ ในการดันพล.ร.อ.ชลธิศ ขึ้น เป็น ผบ.ทร. แทน ก็เป็นได้