คุยเฟื่องเรื่องต่างประเทศ/ดร.วิวัฒน์ เศรษฐช่วย

วันที่ 24 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2023 ก็จะเป็นวันครบรอบหนึ่งปีของสงครามยูเครนแล้ว แต่ดูเหมือนว่าสงครามยูเครนกำลังจะกลายเป็นปัญหาใหญ่ที่แสนยุ่งเหยิงสลับซับซ้อนมากยิ่งขึ้นทุกทีๆ

อนึ่งเหตุผลที่ “ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน” ออกคำสั่งให้กองกำลังทหารบุกเข้าโจมตียูเครนเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2022 มองได้หลายแง่หลายมุมอาทิเช่น ประธานาธิบดีปูตินไม่ต้องการให้ยูเครนเข้าไปเป็นสมาชิกของนาโต โดยเขาอาจจะเล็งเห็นว่า นาโตต้องการจะขยายอิทธิพลไปยังรัสเซีย หรืออีกเหตุผลหนึ่งอาจจะเป็นเพราะว่าประธานาธิบดีปูตินต้องการที่จะเบี่ยงเบนปัญหาภายในประเทศ สืบเนื่องจากเศรษฐกิจของรัสเซียกำลังเกิดวิกฤตและแสนจะซบเซา!!!

ทั้งนี้ “สมาคมประวัติศาสตร์อเมริกัน” ซึ่งเป็นหนึ่งในสมาคมที่มีความเก่าแก่ที่สุดของสหรัฐฯและได้รับความน่าเชื่อถือสูงที่สุดในโลก ที่สมาคมแห่งนี้ก่อตั้งขึ้นเมื่อปีค.ศ. 1884 ได้ออกมากล่าวประณามอย่างรุนแรงในทันทีที่รัสเซียบุกเข้าสู่ยูเครนว่า “การรุกรานของรัสเซียต่อยูเครน โดยปราศจากการยั่วยุแต่อย่างใด ถือเป็นการละเมิดและลิดรอนอธิปไตย พวกเราจะร่วมสนับสนุนยูเครนและประชาชนชาวยูเครน ”

นอกจากนั้นแล้วก็ยังมีสมาคมสำคัญๆอีก 42แห่ง รวมถึง “สมาคมรัฐศาสตร์” ของสหรัฐฯก็ได้ออกมากล่าวประณามรัสเซียในทำนองเดียวกันด้วย

เมื่อสองเดือนหลังจากรัสเซียบุกยูเครน“ประธานาธิบดีโจ ไบเดน”ได้เขียนบทความลงในหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์ โดยกล่าวบ่งชี้ว่า “เป้าหมายหลักของสหรัฐอเมริกา ก็เพื่อต้องการเห็นประเทศยูเครนมีความเป็นประชาธิปไตย มีความอิสระ และมีอำนาจอธิปไตยเป็นของตนเอง”(ข้อมูลจากหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์ เมื่อวันที่ 3 มิถุนายน 2022)

สำหรับสงครามยูเครนในครั้งนี้ได้ส่งผลกระทบในวงกว้างทั้งด้านความยากลำบากของประชาชนชาวยูเครนที่ต้องอพยพหลบหนีภัยสงคราม ด้านการสูญเสียทรัพย์สินประเทศชาติบ้านเมืองต้องพังพินาศ และทั้งด้านการเสียชีวิตของทั้งชาวยูเครนและทหารรัสเซีย!!!

จากสถิติของรัฐบาลยูเครนได้เปิดเผยออกมาว่า ตั้งแต่เริ่มสงครามจนถึงวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2023 มีจำนวนของเด็กๆที่เสียชีวิตไปแล้ว 461 ราย และมีจำนวนของเด็กๆผู้ไม่รู้

อีโหน่อีเหน่ต้องได้รับบาดเจ็บอีก 923 คน และนอกเหนือจากนั้นแล้วก็ยังมีเด็กสูญหายไปถึง 350   คน และยังมีเด็กอีกจำนวนถึง 16,222 คนที่ต้องกลายเป็นเด็กกำพร้าและกลายเป็นผู้ลี้ภัย

และจากข้อมูลของสหประชาชาติได้ออกมาเปิดเผยเมื่อวันที่ 15 มกราคม 2023 ว่าจำนวนพลเรือนชาวยูเครนที่เสียชีวิตภายประเทศมี 18,358 คน และที่ได้กลายเป็นผู้ลี้ภัยก็มีมากกว่า 8 ล้านคนเลยทีเดียว

ส่วนข้อมูลของหนังสือวอลสตรีทเจอร์นัล เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2023 ระบุว่า ทหารรัสเซียเสียชีวิตไปแล้วถึง 60,000 คน

เท่าที่ผ่านมาสหรัฐฯได้ให้ความช่วยเหลือสนับสนุนทั้งด้านอาวุธและด้านการเงินให้แก่ยูเครนไปแล้วจนถึงวันที่ 19 มกราคม 2023 เป็นยอดเงินถึง 113 พันล้านดอลลาร์

โดยก่อนหน้าที่รัสเซียจะทำการบุกยูเครนนั้นสหรัฐอเมริกาได้เผยแพร่แผนการรุกของรัสเซียออกมาก่อน จนเป็นผลให้ความหวังที่รัสเซียต้องการจะเข้ายึดเมืองหลวงของยูเครนได้อย่างง่ายดายต้องพบกับความผิดหวังยากลำบาก เพราะการที่สหรัฐฯออกมาเผยแพร่กล่าวเตือนทำให้ชาวยูเครนมีโอกาสตั้งรับและเตรียมพร้อมที่จะสกัดกั้นกองทัพรัสเซียที่ใหญ่กว่าด้วยเครื่องมือและเทคโนโลยีอันทันสมัย โดยมีชาติพันธมิตรคอยให้ความสนับสนุน

รวมไปถึง “อีลอน มัสก์” ประธานเจ้าของบริษัทด้านเทคโนโลยีที่มีความยิ่งใหญ่ระดับโลก ได้ออกมาประกาศอำนวยความสะดวกต่อระบบอินเทอร์เน็ตผ่านเครือข่าย “ดาวเทียมสตาร์ลิงก์” ที่นับว่าเป็นเส้นเลือดใหญ่ที่ทำให้ยูเครนสามารถใช้เทคโนโลยีล่วงรู้ถึงความเคลื่อนไหวของกองทัพรัสเซียได้เป็นอย่างดี!!!

อนึ่งความสัมพันธ์ระหว่างประธานาธิบดีวลาดีเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย ที่มีต่อ ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีนนั้น ดูเหมือนว่าขณะนี้จะเพิ่มความสนิทสนมมากยิ่งๆขึ้นไปกว่าก่อนหน้าที่จะเกิดสงครามยูเครนด้วยซ้ำไป โดยเฉพาะก่อนที่รัสเซียจะเข้าบุกยูเครน ผู้นำทั้งสองได้ร่วมกันเซ็นสัญญาร่วมมือโดยไร้ขอบเขต

และยังเป็นที่น่าสังเกตอีกด้วยว่าประธานาธิบดีสี จิ้นผิง และประธานาธิบดีปูติน มีความสัมพันธ์อันแสนแน่นแฟ้นอย่างส่วนตัว โดยผู้นำทั้งสองเข้าพบปะพูดคุยกันถึง 38 ครั้ง

กระนั้นก็ตามเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2023 เจ้าหน้าที่สหรัฐฯได้ออกมาให้สัมภาษณ์ในแง่ที่ว่า “จีนอาจจะให้ความช่วยเหลือทางด้านการทหารแก่รัสเซียในการทำสงครามกับยูเครน”โดยประธานาธิบดีโจ ไบเดน ได้ออกมากล่าวเตือนต่อผู้นำของจีนในทำนองที่ว่า  “จีนอย่าส่งความช่วยเหลือทางด้านการทหารให้แก่รัสเซีย  เพราะจะส่งผลให้กระทบกระเทือนด้านความสัมพันธ์กับสหรัฐฯอย่างแน่นอน”

ทั้งนี้ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ยังได้แสดงความวิตกกังวลในเรื่องที่มีข่าวออกมาว่า วงการธุรกิจของจีนได้ให้ความช่วยเหลือด้านอุปกรณ์เครื่องใช้ต่อกองกำลังทหารของรัสเซีย!!!

โดยหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์รายงานเมื่อวันที่ 13 มีนาคม ค.ศ. 2022 หนึ่งเดือนหลังจากที่รัสเซียบุกยูเครนว่า “รัสเซียได้ขอความช่วยเหลือจากจีน ด้านยุทโธปกรณ์ทางการทหารในสงครามยูเครน”

และขณะที่สหรัฐฯกับจีนกำลังมีความตึงเครียดเพิ่มขึ้นในขณะนี้ ยังปรากฏข่าวเพิ่มเติมว่าน้ำมันและก๊าซจากรัสเซียไหลเข้าสู่จีนมากขึ้นตามลำดับ โดยเฉพาะท่อก๊าซที่เริ่มจากไซบีเรียจนถึงจีนที่มีความยาวกว่าสี่พันกิโลเมตรนั้น จีนและรัสเซียได้ทำความตกลงกันล่วงหน้าก่อนที่จะเกิดสงครามยูเครนเพียงไม่นานเท่าไหร่ โดยมีสัญญาในข้อตกลงต่อกันในระยะเวลาสามสิบปี!!!

สำหรับองค์การนาโต ซึ่งประธานาธิบดีปูตินถือว่าเป็นศัตรูสำคัญของรัสเซีย ขณะนี้กำลังเพิ่มผลการผลิตอาวุธสงคราม เพื่อที่จะส่งไปสนับสนุนแก่ยูเครน

และจากการประชุม ณ ปรเทศเบลเยียม เมื่อวันที่ 14-15 กุมภาพันธ์ 2023 นี้ ปรากฏว่านาโตได้กล่าวประณามรัสเซียด้วยถ้อยคำที่รุนแรงใจความว่า “รัสเซียทำสงครามต่อยูเครนแสนโหดร้ายและสกปรกที่สุด” และนาโตกำลังวางแผนระยะยาวเพื่อช่วยเหลือทางด้านรถถัง กระสุนปืนใหญ่ และเครื่องบินรบให้แก่ยูเครน เพื่อช่วงชิงความได้เปรียบเหนือรัสเซีย

ทั้งนี้นาโตคิดว่าการตัดสินใจของประธานาธิบดีปูตินที่เข้าบุกรุกต่อยูเครนนั้น นับเป็นการตัดสินใจทางยุทธศาสตร์ที่ผิดพลาดอย่างมหันต์ ที่จะส่งผลกระทบในด้านเศรษฐกิจและการเมืองของรัสเซียไปอีกนานหลายปี

อนึ่งการที่นาโต ซึ่งมีกองกำลังติดอาวุธของชาติพันธมิตรเพื่อปกป้องประเทศสมาชิกและประชากรของสมาชิกมากกว่าหนึ่งพันล้านคนโดยนาโต้ให้หลักประกันด้านความปลอดภัยว่าการโจมตีประเทศสมาชิกใดๆก็คือ การโจมตีชาติสมาชิกทั้งหมดของนาโต  มีผลทำให้ประเทศโปแลนด์ ซึ่งมีอาณาเขตอยู่ติดกับยูเครนอาจจะกลายเป็นตัวจุดชนวนสงครามให้เกิดบานปลาย!!!

สำหรับความตึงเครียดระหว่างสหรัฐอเมริกันกับจีนในขณะนี้ ดูเหมือนว่ากำลังเข้าสู่โหมดเหม็นขี้หน้าตกต่ำที่สุดในรอบห้าปีที่ผ่านมา จนมีผลทำให้แผนการเดินทางของ “รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯแอนโทนี บลิงเคน” ไปจีนระหว่างวันที่ 4-5 กุมภาพันธ์ 2023 ต้องยกเลิกหยุดชะงักลง สืบเนื่องมาจากสหรัฐฯยิงบอลลูนของจีนที่มีอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ติดตั้งอยู่ใต้ท้องบอลลูนตกลงในรัฐเซาท์แคโรไลนาเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2023 ทำให้จีนออกมาแสดงปฏิกิริยาฉุนเฉียวออกนอกหน้า!!!

ส่วนการพบปะระหว่างรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯแอนโทนี บลิงเคนกับรัฐมนตรีต่างประเทศจีน หวัง อี้ ที่เมืองมิวนิก เมื่อวันเสาร์ที่ 18 กุมภาพันธ์นี้ ดูเหมือนว่ามิได้แก้ปัญหาความตึงเครียดให้ลดลงเลยแม้แต่น้อย โดยรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯได้กล่าวตักเตือนมิให้จีนส่งอาวุธให้แก่รัสเซีย และหากว่าจีนยังดื้อดึง ก็จะทำให้ความสัมพันธ์อันดีระหว่างสหรัฐฯและจีนตกต่ำลงอย่างแน่นอนเลยทีเดียว

และสิ่งที่สร้างความประหลาดใจมากที่สุดก็คือสี่วันก่อนครบรอบหนึ่งปีของสงครามยูเครน ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ได้ออกเดินทางไปเยือนยูเครนและยังเดินทางด้วยรถไฟไปยังเมืองหลวงเคียฟ ที่ใช้เวลานานถึง 10 ชั่วโมง เพื่อเยี่ยมชมสถานที่ต่างๆที่ล้วนแต่เต็มไปด้วยอันตราย ซึ่งเป็นการแสดงออกถึงสัญลักษณ์ที่สหรัฐฯตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยวและแน่นอนแล้วว่า จะช่วยเหลือและยืนหยัดอยู่เคียงข้างยูเครนอย่างเต็มที่ อีกทั้งประธานาธิบดีไบเดนยังมอบความช่วยเหลือทางด้านการทหารให้แก่ยูเครนเป็นเม็ดเงินจำนวน 500 ล้านดอลลาร์ อีกทั้งสหรัฐฯกำลังเตรียมที่จะส่งเครื่องบินขับไล่ F-15 ที่ทันสมัยเหนือกว่าเครื่องบินรบอื่นๆ โดยได้รับเสียงสนับสนุนจากสภาคองเกรสอย่างเต็มที่

กล่าวโดยสรุปทั้งนี้และทั้งนั้นเมื่อมาถึงจุดนี้ก็เป็นที่แน่นอนแล้วว่า สหรัฐฯพร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือต่อยูเครนอย่างเต็มที่ ซึ่งการกระทำของสหรัฐฯเยี่ยงนี้คงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องเกิดความขัดแย้งและเกิดข้อพิพาทอย่างสุดลิ่มทิ่มประตูกับรัสเซีย และไม่แน่ว่าทั้งหมดทั้งมวลที่กล่าวมาข้างต้นอาจจะกลายเป็นเชื้อเพลิงจุดชนวนจนเกิดสงครามโลกครั้งที่สามก็เป็นไปได้ละครับ