ศึกวัดบารมี สหายแสง ศุภชัย โพธิ์สุ คิดการณ์ใหญ่ ส่ง ครูพูนสุข โพธิ์สุ ภรรยาลงชิง ส.ส. เขต 1 แทน ชน ดร.ภูมิพัฒน์ พชรทรัพย์ ผู้สมัคร ส.ส.เขต 1 เพื่อไทย หวังล้มแลนด์สไลน์ วัดบารมี ภูมิใจไทย กับเพื่อ ไทย หวังล้มแลนสไลด์ ศึกเลือกตั้งชี้อนาคตการเมืองภูมิใจไทย เมินดรามา ด่าจังหวัดไม่เลือกภูมิใจไทย ไอ้โง่ เจ้าตัวมั่นใจปมสอบจริยธรรม ครองที่ดินป่าดงพะทาย ชี้แจงได้ ยันครอบครองชอบด้วยกฎหมาย
วันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ จ.นครพนม ความเคลื่อนไหวทางการเมืองเริ่มคึกคักหลังมีการวางปฏิทินการเลือกตั้ง สภาผู้แทนราษฎร ที่จะครบวาระ 4 ปี ในวันที่ 23 มีนาคม 2566 บวกกับมีกระแสจะมีการยุบสภาก่อนครบวาระ ทำให้พรรคการเมืองใหญ่ ต่างเร่งวางตัวผู้สมัคร และสร้างฐานการเมือง เพี่อสู้ศึกเลือกตั้ง โดยเฉพาะเขตเลือกตั้งที่ 1 นครพนม พื้นที่ อ.ศรีสงคราม อ.บ้านแพง อ.นาทม และ อ.นาหว้า ถือเป็นฐานที่มั่นบ้านเกิดของ นายศุภชัย โพธิ์สุ หรือครูแก้ว ส.ส. เขต 1 พรรคภูมิใจไทย ที่ชนะการเลือกตั้ง มาเพียงเก้าอี้เดียว ในการเลือกตั้ง เมื่อปี 2562 ที่ผ่านมา
โดยก่อนนี้ เคยพ่ายการเลือกตั้ง ให้กับ นายยุทธจักร เรืองวรบูรณ์ อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย เขต 1 หลังจาก นายศุภชัย โพธิ์สุ ส.ส.เขต 1 พรรคภูมิใจไทย ย้ายจากพรรคพลังประชาชน มาสังกัด พรรคภูมิใจไทย และได้ตำแหน่ง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หลังหมดวาระ จึงถูกกระแสขายตัว ทำให้ประชาชนพิพากษาด้วยการเลือกตั้ง ต้องสอบตกพักงานมานานกว่า 7 – 8 ปี เมื่อปี 2554 ที่ผ่านมา และมาชนะการเลือกตั้งอีกครั้ง ในการเลือกตั้ง ปี 2562
ส่วนการเลือกตั้ง ปี 2566 ที่จะมาถึง ต้องยอมรับว่า สหายแสง นายศุภชัย โพธิ์สุ หรือครูแก้ว ส.ส.เขต 1 นครพนม พรรคภูมิใจไทย รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่สอง คิดการณ์ใหญ่หวังวัดบารมี ล้มเพื่อไทย ดับฝันแลนด์สไลด์ โดยยอมประกาศตัว ข้ามเขตจากเขต 1 นครพนม ฐานที่มั่นเดิม ไปลงสมัคร ส.ส. เขต 2 นครพนม ชิงตำแหน่งกับ ดร.มนพร เจริญศรี อดีต ส.ส.แชมป์เก่า พรรคเพื่อไทย เขต 2 นครพนม หลายสมัย มีพื้นที่ อ.เมือง อ.ท่าอุเทน และ อ.โพนสวรรค์ เพื่อหวัง ล้มแชมป์เก่า
ส่วนเขตเลือกตั้งที่ 1 นครพนม ประกาศตัวส่งภรรยา คือ นางพูนสุข โพธิ์สุ หรือครูตุ่น อดีตข้าราชการครู อดีตรองนายก อบจ.นครพนม ลงสมัคร ส.ส. เขต 1 พรรคภูมิใจไทย ชิงตำแหน่งกับ ดร.ภูมิพัฒน์ พชรทรัพย์ อดีต ส.ส.แบบสัดส่วน นครพนม พรรคภูมิใจไทย และเคยเป็นเลขาธิการพรรคเพื่อชาติ ในการเลือกตั้งที่ผ่านมา และหันมาสังกัดพรรคเพื่อไทย ลงสมัคร ชิง ส.ส. เขต 1 นครพนม ในการเลือกตั้งที่จะมาถึง
ถือเป็นการวัดบารมี ครั้งสำคัญ และเชื่อว่าเป็นการชี้ชะตาทางการเมือง ของพรรคภูมิใจไทย ที่วัดกระแสพรรคเพื่อไทย หากไม่สามารถล้มแลนด์สไลด์ ได้ เชื่อว่าจะมีปัญหาอนาคตการเมืองของ พรรคภูมิใจไทย ในพื้นที่ จ.นครพนม อย่างแน่นอน อีกทั้ง สหายแสง ศุภชัย โพธิ์สุ หรือครูแก้ว ส.ส.เขต 1 นครพนม พรรคภูมิใจไทย จะต้องฝ่ากระแส ดรามา ในการปราศรัยโจมตีจังหวัด ใกล้เคียงที่ไม่เลือกภูมิใจไทย ว่าไอ้ โง่ รวมถึงประเด็นการตรวจสอบ เรื่องการครอบครองป่าดงพะทาย อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม ที่ถูกตรวจสอบเรื่องจริยธรรม ถึงแม้เจ้าตัวยืนยันในการครอบครองชอบด้วยกฎหมาย แต่จะต้องพิสูจน์ตัวเอง ให้ถึงที่สุด เพราะยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริง ของหน่วยงานเกี่ยวข้อง ที่อาจจะกระทบต่อความเชื่อถือของพี่น้องประชาชน
ทั้งนี้ ตัวชี้วัดสำคัญ ในทิศทางความได้เปรียบเสียเปรียบ เชิงการเมือง ต้องยอมรับว่า พรรคภูมิใจไทย มีความเสี่ยงสูง ที่จะถูกกระแสต้าน ในฐานะพรรคร่วมรัฐบาล ที่เคยประกาศจะไม่ร่วมกับ พรรคฝ่ายเผด็จการ สุดท้ายต้องมาร่วมจับมือกับพลังประชารัฐ ต้องทำความเข้าใจกับประชาชน ให้เข้าใจถึงอุดมการณ์การเมือง นอกจากนี้ สหายแสง นายศุภชัย โพธิ์สุ หรือครูแก้ว ส.ส.เขต 1 นครพนม พรรคภูมิใจไทย ต้องยอมทิ้งฐานคะแนนถิ่นเก่า มาสร้างฐานคะแนนใหม่ ในเขตเลือกตั้งที่ 2 นครพนม ชนกับแชมป์เก่า คือ ดร.มนพร เจริญศรี ส.ส.นครพนม เขต 2 พรรคเพื่อไทย ที่จะต้องมีทั้งคะแนนนิยม ทั้งส่วนบุคคลทั้งพรรค เนื่องจากเป็นฐานที่มั่นของพรรคเพื่อไทย มาตลอด
ขณะที่เขตเลือกตั้งที่ 3 นครพนม อ.เมืองนครพนมบางส่วน อ.ธาตุพนม และ อ.เรณูนคร พรรคภูมิใจไทย ส่ง นายแพทย์ อลงกต มณีกาศ ผู้สมัคร ส.ส.เขต 3 พรรคภูมิใจไทย ชนกับ ดร.ไพจิต ศรีวรขาน ส.ส.เขต 3 นครพนม พรรคเพื่อไทย แชมป์ 12 สมัย ที่มีทั้งคะแนนนิยมพรรค และคะแนนนิยมส่วนบุคคล โอกาสที่พรรคภูมิใจไทย จะชิงความได้เปรียบคงมีโอกาสน้อย
ในส่วนเขต เลือกตั้งที่ 4 อ.นาแก อ.วังยาง อ.ปลาปาก และ อ.เมืองนครพนมบางส่วน พรรคภูมิใจไทย ส่ง นายชูกัน กุลวงษา อดีต ส.ส. พรรคเพื่อไทย ที่พ่ายการเลือกตั้ง หลังย้ายไปสังกัดพรรคพลังประชารัฐ ในการเลือกตั้ง ปี 2562 ที่ผ่านมา ถูกกระแสทิ้งพรรคเพื่อไทย มาครั้งนี้ ย้ายพรรคอีกรอบ ลงเตรียม สมัคร ส.ส.เขต 4 พรรคภูมิใจไทย ที่จะต้องฝ่ากระแสย้ายพรรคอีกรอบ ที่สำคัญยังต้องเจอคู่แข่ง ที่มีฐานคะแนนนิยมส่วนตัว และพรรคใหญ่ ไม่แพ้กัน คือ นายชวลิต วิชยสุทธิ์ อดีต ส.ส. เขต 4 พรรคเพื่อไทย ที่ย้ายไปสังกัดพรรคไทยสร้างไทย รวมถึง ดร.สมชอบ นิติพจน์ อดีต นายก อบจ.นครพนม ที่เตรียมสมัคร ส.ส. เขต 4 ในนามพรรครวมไทยสร้างชาติ และ นายณพจน์ศกร ทรัพยสิทธิ์ ผู้สมัคร ส.ส. พรรคเพื่อไทย
อย่างไรก็ตามภาพรวมการสู้ศึกครั้งนี้ วัดจากฐานคะแนนพรรค รวมถึงฐานคะแนนนิยมส่วนตัวของผู้สมัคร ให้น้ำหนักระหว่างพรรคภูมิใจไทย กับพรรคเพื่อไทย เป็นหลัก ส่วนพรรคพลังประชารัฐ ยังมีคะแนนนิยมน้อย วัดจากฐานคะแนนการเลือกตั้งที่ผ่านมา และถือเป็นการเลือกตั้งชี้อนาคตทางการเมืองของพรรคภูมิใจไทย หากพ่ายการเลือกตั้ง ทั้ง 4 เขต และไม่สามารถล้มแลนด์สไลด์ได้ โอกาสที่จะกลับมาสร้างฐานคะแนนการเมืองในสมัยหน้าอีกยาก สุดท้ายนครพนม จะกลับมาเป็นเมืองเพื่อไทยทั้ง 4 เขต เพราะอดีตเคยเป็นเมืองเสื้อแดง ตั้งแต่พรรคไทยรักไทย ถึงพรรคพลังประชาชน และพรรคเพื่อไทย