คืบหน้ากรณีนายชานนท์อายุ 38 ปี อยู่บ้าน บริเวณถนนทุ่งศรีเมือง ต.กาฬสินธุ์ อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ ใช้อาวุธปืนยิงจ่อยิงศีรษะนายวุฒิพงษ์ หรือ ก๋ง อายุ 32 ปี ชาว ต.หลุบ อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์เสียชีวิตบริเวณหน้าร้านอาหาร เมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา เบื้องต้นสาเหตุเกิดจากไม่พอใจที่ผู้ตายถามว่า “มึงเป็นใคร”
วันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2566 เวลา 15.00 น.พล.ต.ต.สุวรรณ เชี่ยวนาวินธวัช ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ พ.ต.อ.อิทธิเดช สุนทร ผกก.สภ.เมืองกาฬสินธุ์ พ.ต.ท.เทวฤทธิ์ บูรณรักษ์ รอง ผกก.สส.สภ.เมืองกาฬสินธุ์ พ.ต.ท.นพรัตน์ หลวงสนาม สารวัตรสอบสวนสภ.เมืองกาฬสินธุ์ เจ้าของคดี พร้อมด้วยตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองกาฬสินธุ์ และเจ้าหน้าที่สายตรวจคุมตัวนายชานนท์ ผู้ต้องหาก่อเหตุซึ่งเป็นคนยิงนายวุฒิพงษ์ เสียชีวิต และนายนิยม อายุ 43 ปี เพื่อนที่ไปด้วยกัน ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่หน้าร้านอาหาร โดยมีญาติผู้เสียชีวิตและชาวบ้านมาดูเหตุการณ์จำนวนมากและด่าทอด้วยความโกรธแค้น
ทั้งนี้ พล.ต.ต.สุวรรณ เชี่ยวนาวินธวัช ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ก่อนเกิดเหตุนายชานนท์ และนายนิยม ซึ่งเป็นคนขับ ได้พากันมาเที่ยวร้านอาหาร แต่ร้านปิด และได้พบกับนายวุฒิพงษ์ ผู้เสียชีวิต ซึ่งไม่รู้จักกันมาก่อน ที่หน้าร้าน ซึ่งมาเที่ยวเหมือนกัน แต่ร้านปิด
ทั้งนี้ผู้ต้องหาอ้างว่า ขณะนั้นนายวุฒิพงษ์ มีอาการมึนเมาสุรา ได้ยืนพูดคุยกับนายนิยมที่หลังรถ และมีปากเสียงกัน นายชานนท์ ซึ่งนั่งอยู่ในรถได้ลงมา เพื่อที่จะไกล่เกลี่ยห้ามให้ย้ายกันกลับบ้าน ทำให้นายวุฒิพงษ์ผู้ตายไม่พอใจ พูดท้าทายและถามว่า “มึงเป็นใคร” ทำให้นายชานนท์นำปืนที่พกติดตัวมาจ่อยิงที่ศีรษะนายวุฒิพงษ์ เสียชีวิต และหลังก่อเหตุได้หลบหนี กระทั่งชุดสืบสวนได้เบอร์โทรศัพท์ของผู้ก่อเหตุและได้โทรไปให้มามอบตัว ก่อนจะยอมมอบตัวพร้อมของกลางอาวุธปืนไทยประดิษฐ์ (ลูกซองสั้น)ที่ใช้ก่อเหตุ
อย่างไรก็ตามหลังทำแผนพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อหานายชานนท์ 4 ข้อหา ประกอบด้วย 1.ฆ่าผู้อื่น 2.ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้อนุญาต 3.ร่วมกันพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร และ 4.ยิงปืนโดยใช่เหตุในเมือง หมู่บ้านหรือที่ชุมชน ส่วนนายนิยม เพื่อที่ไปด้วยกันถูกแจ้งข้อหาร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้อนุญาต และร่วมกันพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร พร้อมนำตัวส่งไปฝากขังดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป