ช่วยกันคิด ช่วยกันทำ / ทหารประชาธิปไตย

ภายในเวลาไม่กี่วันที่ผ่านมา หลังจากที่สหรัฐฯใช้เครื่องบิน F-22 ยิงทำลายบอลลูนปริศนาของจีนเป็นปฐมเหตุ และต่อมาก็ทำลายบอลลูนอีกลูกที่มีขนาดเล็กกว่าด้วยจรวดจาก F-22 เช่นกัน

ทว่าปัญหาที่สหรัฐฯต้องเผชิญคือการพบอากาศยานที่ไม่อาจระบุได้ว่ามันคืออะไร ที่ยูคอน ชายแดนอะแลสก้าและแคนาดา และทำการยิงทำลายเหนือดินแดนนั้น ถัดมาก็พบวัตถุประหลาดที่บินเหนือทะเลสาบฮูรอน เขตติดต่อแคนาดา และรัฐมิชิแกนของสหรัฐฯ ซึ่งก็ถูกทำลายเช่นกัน

เมื่อเพนตากอนให้สัมภาษณ์ต่อสื่อที่ถามว่าได้ตัดประเด็นของ UFO หรือที่ทางการเรียกว่า UAP (UNIDENTIFIED AERIAL PHENOMENA) ปรากฏการณ์ยานบินที่ไม่อาจระบุได้ หรือถ้าจะเรียกภาษาชาวบ้านก็ต้องเรียกว่า “จานบิน” ก็ได้รับคำตอบว่าไม่ได้ตัดประเด็นใดๆทั้งสิ้น

พอพูดถึงคำว่า “จานบิน” หลายคนอาจจะหัวเราะเห็นเป็นเรื่องขบขัน เพราะมันหมายถึงว่ามันเป็นยานของมนุษย์ต่างดาวที่มีเทคโนโลยีขั้นสูง ซึ่งคนเหล่านั้นเห็นว่าเป็นไปไม่ได้ เนื่องจากในระบบสุริยจักรวาล ไม่มีที่ใดที่มีสภาพแวดล้อมเหมาะสมกับการกำเนิด และอาศัยอยู่ของมนุษย์ แต่คำว่า “มนุษย์ต่างดาว” อาจทำให้เกิดความคลาดเคลื่อน ถ้าจะให้ชัดเจนและแยกแยะ ก็ต้องใช้คำว่า “สิ่งมีชีวิต” ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่มันจะไม่มีความต้องการสภาพแวดล้อมเหมือนมนุษย์โลก สิ่งมีชีวิตดังกล่าวอาจไม่ต้องการออกซิเจน หรืออุณหภูมิ เช่น มนุษยโลกต้องการ ซึ่งแม้แต่โลกเราก็ยังค้นพบว่ามี “สิ่งมีชีวิต” ที่ต้องการสภาพแวดล้อมที่แตกต่าง ไม่ต้องการออกซิเจน และสามารถอยู่ในอุณหภูมิที่ร้อนเกิน 100 องศาเซลเซียส นั่นคือมีการสำรวจบริเวณภูเขาไฟใต้มหาสมุทรแห่งหนึ่ง ที่มีอุณหภูมิหลายร้อยองศาเซลเซียส และเต็มไปด้วยสารพิษอย่างกำมะถัน และฟอสฟอรัส แต่ก็ยังปรากฏว่ามีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ในบริเวณนั้น

ทีนี้มาพิจารณาข้อมูลของปรากฏการณ์ UAP หรือจานบินที่มีการพบในน่านฟ้าสหรัฐฯ และยังไม่ได้รวมถึงปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในภูมิภาคอื่นๆ

หน่วยงานของรัฐบาลได้เปิดเผยข้อมูล ที่ในอดีตเคยปิดลับมาก่อนเกี่ยวกับวัตถุบินที่ไม่อาจระบุได้ ปรากฏว่ามีจำนวนนับร้อยกรณี

สำนักงาน US NATIONAL INTELLIGENCE OFFICE รายงานว่ามีกรณีตรวจพบหรือพบเห็นโดยประชาชนถึง 510 กรณี เพิ่มขึ้นจากรายงานข่าวกรองถึง 144 กรณีในปี 2021

หลังจากพิจารณาแต่ละกรณีพบว่าเกือบครึ่งไม่น่าสนใจ เพราะมันน่าจะเป็นยานที่เกิดโดยน้ำมือมนุษย์

อย่างไรก็ตามกว่า 100 รายงาน ยังไม่มีใครอธิบายได้ ตั้งแต่ความเร็ว และที่สำคัญไม่ปรากฏว่าได้ยินเสียงเครื่องยนต์หรือเห็นประกายไฟ แม้แต่ลักษระทางกายภาพก็ไม่อาจระบุชนิดของวัสดุได้

ที่ทางการกังวลอย่างมากก็คือ UFO หรือ UAP เหล่านี้มักไปปรากฏเหนือพื้นที่ต้องห้าม หรืออ่อนไหว ทำให้เกิดความตึงเครียดและตื่นตระหนก เกี่ยวกับความมั่นคงของชาติ รวมทั้งความปลอดภัยที่สั่นคลอน

ในจำนวน 366 กรณีของรายงาน 26 รายงานสรุปได้ว่าเป็นโดรน 163 กรณีเป็นบอลลูน และ 6 กรณีรายงานว่ามันมาเป็นกลุ่มซึ่งก็ไม่รู้ว่าอะไร

อนึ่งการที่มีรายงานเพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงนี้ เป็นเพราะทางการได้ระดมการตรวจตราเพื่อความปลอดภัยของชาติ ในอันที่จะพยายามค้นหาหรือพิสูจน์ทราบว่า UFO หรือ UAP นั่นคืออะไรกันแน่ นอกเหนือจากความวิตกกังวลว่ายานเหล่านั้นจะกลายเป็นอุปสรรคหรืออันตรายต่อการบิน

รายงานยังบอกต่อไปว่า 171 กรณีที่ตรวจพบไม่อาจบอกสัณฐานหรือลักษณะ ซึ่งหมายถึงว่าไม่มีข้อมูลเพียงพอที่จะวิเคราะห์และสรุปได้

แต่ก็ยังไม่มีข้อมูลใดเชื่อมโยงไปถึงมนุษย์ต่างดาว โดยข้อมูลเหล่านี้ได้ถูกตรวจสอบและวิเคราะห์โดยหน่วยงานชื่อว่า ALL-DOMAIN ANOMALY RESOLUTION OFFICE (AARO)ซึ่งเป็นหน่วยงานของกระทรวงกลาโหม สหรัฐฯ

หน่วยงานนี้มีภารกิจพิเศษที่จะรับรายงาน ตรวจสอบและวิเคราะห์ปรากฏการณ์ที่ไม่อาจบอกได้ว่ามันคืออะไรแน่ ทั้งนี้ AARO ยังได้ประสานงานกับหน่วยสืบราชการลับเพื่อหาข้อมูลประกอบ และใช้ในการวิเคราะห์อย่างละเอียด

ก่อนหน้าเหตุการณ์ยิงบอลลูนจีน และต่อมาคือยิง UFO ตกอีก 2 กรณี ดังกล่าวข้างต้น โดยก่อนหน้านี้ประมาณ1เดือนปลัดกระทรวงกลาโหมยังคงปฏิเสธถึงความเกี่ยวพันระหว่างยานลึกลับกับมนุษย์ต่างดาว เขากล่าวว่าจนถึงขณะนี้( ที่ให้ข่าว) ยังไม่พบว่ามีการมาเยือนของมนุษย์ต่างดาวหรือยานต่างดาวตก หรืออะไรทำนองนั้น (RONALD MOULTRIE)

แม้จะมีความพยายามค้นหาต่อไป แต่ก็ยังไม่อาจหาข้อมูลในการเชื่อมโยงกับมนุษย์ต่างดาว จนกระทั่งรายงานล่าสุดที่กระทรวงกลาโหมประกาศยกเลิกการคาดคะเนว่าไม่มีความเกี่ยวพันกับยานของมนุษย์ต่างดาว

เรื่องของมนุษย์ต่างดาวและการมาเยือนโลก ได้มีการศึกษาย้อนหลังไปไกลหลายพันปี เช่น ในกรณีมีการค้นพบรูปภาพในโบสถ์ที่ชิลี ซึ่งไม่ทราบว่าเกิดเมื่อใด แต่เป็นรูปภาพของคนที่แต่งกายคล้ายมนุษย์อวกาศ ที่แสดงเป็นเทพลงมาจากสวรรค์ ซึ่งมีการตีความว่า เทพที่มนุษย์พูดกันคือมนุษย์ต่างดาวนั่นเอง

นอกจากนี้ในอเมริกาใต้เช่นกัน มีการสร้างสัญลักษณ์ขนาดใหญ่ ซึ่งถ้ามองจากพื้นดินไม่อาจบอกรูปร่างได้ ต่อเมื่อบินขึ้นไปในที่สูง จึงพบว่าเป็นสัญลักษณ์ต่างๆที่ไม่เคยปรากฏบนโลก

ในอังกฤษจนบัดนี้ก็ยังไม่รู้ความหมาย หรือการได้มาซึ่งหินขนาดใหญ่ที่ไม่มีในบริเวณใกล้เคียงของสิ่งที่เรียกว่า STONE HENGE  ซึ่งมีการจัดเรียงแท่งหินมหึมาเป็นวงรอบ โดยในยุคนั้นยังไม่มีเครื่องมือ หรือเทคโนโลยีอะไรมายกหินขนาดนั้นได้ และจุดที่ตั้งยังเล็งไปยังหมู่ดาวสิงห์ในยุคนั้น

อีกเรื่องที่เป็นความมหัศจรรย์ คือการสร้างพีระมิด เมื่อประมาณ 3,000 ปีก่อน ว่าทำได้อย่างไร เพราะในยุคนั้นยังไม่มีเทคโนโลยีอะไรที่จะทำได้ ในการเรียงหินขนาดหนักทับซ้อนกันเป็นรูปพีระมิด ที่ได้มุมและองศาที่ถูกหลักสถาปนิก และยังปรากฏว่าพีระมิดกีซ่า ยังเล็งมุมไปยังหมู่ดาวสิงห์ในยุคนั้นด้วย

ปัจจุบันนักวิทยาศาสตร์ก็ยังไม่อาจพิสูจน์การสร้างได้ด้วยเทคโนโลยีในสมัยนั้น แม้กระทั่งชาวอียิปต์ขนหินมาจากไหนที่มีอยู่ก็ไกลมาก นับพันกิโลเมตร

ความกังวลอันเกิดจากการพยายามวิเคราะห์ที่ไม่อาจอธิบายอะไรได้จึงโยงไปสู่วิทยาการของมนุษย์ต่างดาว

อย่างไรก็ตามในปัจจุบันอาจมีการทดลองลับๆเพื่อผลิตยานบินที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน และประเทศที่อาจทำได้ด้วยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีทางอวกาศก็มีแต่สหรัฐฯ รัสเซีย และจีนเท่านั้น