รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ อาจารย์คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว "Thira Woratanarat" ระบุว่า
16 กุมภาพันธ์ 2566
เมื่อวานทั่วโลกติดเพิ่ม 105,448 คน ตายเพิ่ม 611 คน รวมแล้วติดไป 677,995,525 คน เสียชีวิตรวม 6,784,958 คน
5 อันดับแรกที่ติดเชื้อสูงสุดคือ ญี่ปุ่น ไต้หวัน เกาหลีใต้ รัสเซีย และสหรัฐอเมริกา
เมื่อวานนี้จำนวนติดเชื้อใหม่มีประเทศจากยุโรปและเอเชียครอง 8 ใน 10 อันดับแรก และ 16 ใน 20 อันดับแรกของโลก
จำนวนติดเชื้อใหม่ในแต่ละวันของทั่วโลกตอนนี้ มาจากทวีปเอเชียและยุโรป รวมกันคิดเป็นร้อยละ 89.72 ของทั้งโลก ในขณะที่จำนวนการเสียชีวิตคิดเป็นร้อยละ 76.92
...ความท้าทายของโรคโควิด-19
ย่างเข้าสู่ปีที่ 4 ที่เรารู้จักกับ SARS-CoV-2 ที่ทำให้เกิดโรคโควิด-19
แม้จะมีความรู้ทางวิทยาศาสตร์การแพทย์มากขึ้น จนตรวจสอบได้ว่าไวรัสนี้มีการกลายพันธุ์ แตกหน่อต่อยอด เปลี่ยนแปลงโครงสร้างไปอย่างไร จนส่งผลให้เกิดการระบาดทั่วโลก ระลอกแล้วระลอกเล่า
แต่ยังคงมีคำถามที่ต้องการการศึกษาวิจัยอีกมาก เพื่อที่จะทำให้มนุษย์เราเข้าใจ และหาวิธีที่จะทำให้อยู่รอดปลอดภัย ลดความสูญเสียในระยะยาว
ยกตัวอย่างเช่น แม้ไวรัสนี้จะอยู่ในตระกูล Coronavirus เหมือน SARS และ MERS รวมถึงไวรัสโคโรน่าอื่นที่ทำให้เกิดไข้หวัด เช่น HCov-NL63 แต่ลักษณะการติดเชื้อของโควิด-19 นั้นทำให้เกิดการติดเชื้อในเซลล์ปอด ซึ่งเป็นทางเดินหายใจส่วนล่างได้มากกว่าไวรัสอื่นในตระกูลเดียวกัน ทางวิทยาศาสตร์การแพทย์ตอนนี้ก็ยังตอบได้ไม่กระจ่างชัดนัก ถึงแม้จะมีสมมติฐานเรื่องกลไกการเข้าสู่เซลล์ที่อาจแตกต่างกัน
เรื่องสำคัญที่สุดอีกเรื่อง ซึ่งจะส่งผลต่อการอยู่ร่วมกับไวรัสโควิด-19 ในระยะยาวคือ การคาดการณ์การเปลี่ยนแปลงของไวรัสว่าจะมีการปรับเปลี่ยน กลายพันธุ์ไปทางไหน และ/หรือสมรรถนะของไวรัสว่าจะระบาดรุนแรงขึ้น มีโอกาสทำให้ป่วยมากขึ้น ตายมากขึ้น ส่งผลให้เกิดความผิดปกติระยะยาว ทุพพลภาพมากขึ้นหรือน้อยลง และจะมีช่วงเวลาเกิดขึ้นถี่บ่อยเพียงใด
จนถึงปัจจุบัน ยังไม่สามารถคาดการณ์การเปลี่ยนแปลงข้างต้นได้อย่างแม่นยำ ทำให้ยากลำบากในการวางแผนจัดการควบคุม รวมถึงพัฒนาอาวุธอย่างวัคซีนเพื่อดักไว้ล่วงหน้าเหมือนโรคอื่นๆ
อย่างไรก็ตาม แนวทางปฏิบัติตัว อย่างที่เน้นย้ำให้เราทราบทุกวัน ได้แก่ การใช้ชีวิตประจำวันโดยมีความใส่ใจเรื่องสุขภาพ (health conciousness) มีสติ รู้ว่าที่ทำอยู่นั้นเสี่ยงหรือไม่ พยายามทำหรือปรับการใช้ชีวิตประจำวันให้ลดความเสี่ยงลงไปกว่าในอดีต หากปฏิบัติอย่างเป็นกิจวัตร ก็จะช่วยให้ทั้งตัวเราและคนรอบข้างมีโอกาสอยู่รอดปลอดภัยไปได้มากในระยะยาว
ช่วยกันปรับปรุงที่อยู่ ที่ทำงาน ที่เรียน ที่กิน ที่เที่ยว ให้มีการระบายอากาศดีกว่าเดิม
ไม่สบาย ก็ควรแยกไปรักษาตัวให้หายดีเสียก่อน ถือเป็นการใช้ชีวิตอย่างมีความรับผิดชอบ ไม่ทู่ซี้คิดว่าไม่เป็นไรจนอาจนำไปสู่การเจ็บป่วยและสูญเสียของคนรอบข้าง
ใส่หน้ากากอย่างถูกต้องระหว่างตะลอนนอกบ้าน จะลดเสี่ยงต่อโควิด-19 และ PM2.5 ลงไปได้มาก
อ้างอิง
Perlman S et al. Coronavirus research: knowledge gaps and research priorities. Nature Reviews Microbiology. 15 February 2023.