“สมศักดิ์” ชูโมเดล “อุทัยชูวิทย์” ปราบยาเสพติดเข้มข้น เผยครม.ขอแก้กฎกระทรวงหา“เฮ้าส์อาร์เลสท์”คุมตัว “ตะวัน-แบม”แทนขังคุกแล้ว
นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงประเด็น การปราบปรามยาเสพติดไม่ใช่การหยุดวงจรการค้ายาซึ่งต้องมีโมเดลใหม่ที่ทำเป็นกฏหมายประมวลกฏหมายยาเสพติดมีมาตรการยึดซับตัดวงจรใหม่ตั้งชื่อโมเดล ”อุทัยชูวิทย์” มาจากชื่อของนายอุทัย สินมา อดีตอธิบดียาเสพติด เป็นคนเอาจริงเอาจังเรื่องการปราบปรามยาเสพติดมาก เรื่องของการอายัดทรัพย์ ที่เกี่ยวข้องกับการค้ายาจะต้องถูกอายัดทุกบัญชี และต่อมามีนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ เป็นผู้แจ้งเบาะแสจนนำมาสู่การยึดอายัดทรัพย์ถึง 5,000 ล้านบาท ซึ่งสอดคล้องกับที่ตนได้ประกาศว่าจะยึดทรัพย์เครือข่ายยาเสพติด 100,000 ล้านบาทในปีนี้ จึงตั้งเป็นโมเดลอุทัยชูวิทย์และให้เหรียญยุติธรรมดำรงกับนายชูวิทย์ไปแล้ว เพราะคนที่แจ้งเบาะแสอาจจะกลัวถูกฆ่าตายจึงได้พัฒนาบล็อกเชน ขึ้นมาเพื่อให้มีการแจ้งเบาะแสและจ่ายเงินสกุลคลิปโตเป็นค่ารางวัลนำจับโดยเริ่มใช้ตั้งแต่วันศุกร์ที่ผ่านมาแต่ยังไม่เสร็จแต่อาจยังไม่สมบูรณ์ อยู่ระหว่างการพัฒนาต่อเนื่อง ถือเป็นเรื่องใหม่ในรัฐบาลนี้ และตั้งชุดพาลีปราบยาขึ้นมา ก่อนจะมีประมวลกฎหมายยาเสพติด 1 ปี เพื่อเปิดเป็นโรงเรียนสอนในขั้นตอนยึดอายัดทรัพย์สิน
ส่วนความคืบหน้าคดีของ “ตะวัน-แบม” ที่มีการรายงานการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม นั้นนายสมศักดิ์ ระบุว่า ขณะนี้ขณะนี้ได้มีการจัดหาสถานที่เพื่อใช้กักตัวหรือเป็นที่พักของผู้ต้องขังระหว่างที่ได้รับการประกันตัวหรือยังไม่เป็นผู้ต้องขังเด็ดขาด ที่เรียกว่า “เฮ้าส์อาร์เลสท์” คือไม่ได้อยู่ในห้องขังเหมือนนักโทษทั่วไปโดยจะต้องมีการแก้กฎกระทรวง ซึ่งตนได้รายงานคณะรัฐมนตรีไปแล้วเมื่อวานนี้ ว่า จะขอแก้กฎกระทรวงนี้ให้พวกเขา และทุกคนในครม.ก็โอเคไม่มีปัญหา ส่วนการใช้กองทุนยุติธรรม เพื่อขอประกันตัวก็สามารถใช้ได้อยู่แล้วและเรื่องการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมและกฎหมายต่างๆสามารถทำได้แต่อยู่ในกรอบของแนวทางของกฎหมายซึ่งมีคณะกรรมการโครงสร้างใหญ่หากกรรมการสิทธิมนุษยชนจะเสนอแนวคิดเพิ่มเติมกระทรวงยุติธรรมก็ยินดีรับฟัง
ทั้งนี้การเปิด “เฮ้าส์อาร์เลส” ที่คุมขังที่ไม่ใช่เรือนจำที่ศาลจะเป็นผู้ประกาศ ให้กับ “ตะวัน-แบม” จะไม่ถือเป็นกรณีพิเศษ VIP หรือ 2 มาตรฐาน โดยนายสมศักดิ์ ยืนยันว่า จะใช้สถานที่ดังกล่าวทำให้ทั้งหมดทุกกรณี เพราะกฎกระทรวงถูกปิดไว้ จึงขอเปิดเพื่อให้สามารถทำได้
นายสมศักดิ์ กล่าวถึง พระราชบัญญัติป้องกันการทรมานและสูญหาย หรือ กฎหมายป้องกันอุ้มหายนั้น ขณะนี้ได้ส่งเรื่องเข้าครมแล้วกฎหมายฉบับนี้ไม่ได้เลื่อนการประกาศใช้แต่จะใช้ในวันที่ 22 กุมภาพันธ์นี้แต่จะช้าอยู่ 4 มาตราคือ 22 - 25 คือการจะสอบสวนผู้ต้องหาต้องมีกล้องวิดีโอบันทึกทุกครั้ง ไม่ว่าจะกี่ชั่วโมงต้องบันทึกไว้ไม่หาย และจะไม่เป็นความลับก็ได้ และต้องเปิดเผยข้อมูลให้ญาติหรือทนายของผู้ที่ถูกกล่าวหาหรือผู้ต้องหาในรายละเอียดด้วย