จากกรณีเกิดเหตุเมรุฌาปนกิจศพภายในวัดบุญนาค หมู่บ้านบุญนาคพัฒนา หมู่ 20 ต.หงาว อ.เทิง จ.เชียงราย เกิดเหตุระเบิดขณะกำลังฌาปนกิจศพผู้เสียชีวิตรายหนึ่ง จนทำให้สัปเหร่อ เสียชีวิต 1 คน มีผู้ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยอีก 6-7 คน และเมรุฌาปนกิจศพได้รับความเสียหาย โดยเหตุเกิดวันที่ 10 ก.พ.ที่ผ่านมานั้น 

ล่าสุดได้มีหน่วยงานต่างๆ เดินทางไปตรวจสอบความเสียหายและหาสาเหตุเพื่อการช่วยเหลือวัดบุญนาค เช่น องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) เชียงราย ฝ่ายปกครอง ฯลฯ และในวันที่ 13 ก.พ.นี้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 5 ได้เข้าไปตรวจสอบเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงแล้ว 

ขณะที่ทางวัดได้กันพื้นที่โดยรอบเพื่อไม่ให้บุคคลภายนอกเข้าไปเนื่องจากอาคารบางส่วนที่เป็นคอนกรีตโดยเฉพาะส่วนปล่องควันและหลังคายังมีบางส่วนห้อยลงมาทำให้เกรงว่าจะทำให้เกิดอันตราย ส่วนบริเวณพื้นใกล้กับอาคารเมรุฌาปนสถานพบว่ามีเศษของผนังคอนกรีตที่มีเหล็กเส้นและก่ออิฐแตกกระจายออกมากองอยู่ทั้ง 2 ด้านของอาคารเป็นจำนวนมาก ส่วนถังแก๊สน้ำหนักขนาด 48 กิโลกรัม ทางเจ้าหน้าที่ยังคงเก็บเอาไว้จำนวน 5 ถัง ห่างจากอาคารเล็กน้อย เพื่อรอการตรวจสอบต่อไป ส่วนศพของนายสมคิด แก้วนวล อายุ 54 ปี สัปเหร่อผู้เสียชีวิตได้ตั้งบำเพ็ญกุศลภายในหมู่บ้านและเตรียมนำไปฌาปนสถานที่หมู่บ้านใกล้เคียงต่อไป

พระมหาธีรวัฒน์ คนฺธสีโล เจ้าอาวาสวัดบุญนาค กล่าวว่า ในช่วงเกิดเหตุนั้นอาตมาก็อยู่ใกล้กับเหตุการณ์อย่างมาก โดยขณะที่ญาติผู้วายชนต์กำลังยืนไว้อาลัยอยู่โดยรอบทางด้านหน้าของอาคารเมรุฌาปนกิจศพ ทางสัปเหร่อก็ได้เข้าไปจัดการเปิดระบบเตาแก๊ส ซึ่งใช้ระบบไฟฟ้าเป็นตัวจุดไฟและใช้แก๊สในการเผาไหม้ แต่ปรากฎว่าช่วงที่ยืนไว้อาลัยและมีการจุดไฟฟ้าพบว่าไฟไม่ยอมจุดติดขณะที่ได้เปิดแก๊สไว้รอแล้ว ทำให้ตนแจ้งให้หยุดดำเนินก่อนและกำลังจะติดต่อไปยังเอกชนที่รับติดตั้งอุปกรณ์ฌาปนกิจศพดังกล่าว แต่ขณะที่สัปเหร่อกำลังจุดเทียนจุสังขรณ์ 4 ด้านรอบเมรุตามประเพณี ก็เกิดการระเบิดอย่างรุนแรง โดยครั้งแรกปะทุขึ้นด้านบนปล่องเตาเผาจากนั้นก็ดังตรงกลางก่อนที่เศษคอนกรีต ซึ่งสร้างหนาถึง 2 ชั้น ตกกระจายออกมาด้านข้างทั้ง 2 ฝั่ง ทำให้สัปเหร่อวิ่งหนีแต่ไม่พ้นเพราะมีรถจอดอยู่ใกล้กันทำให้ถูกทับจนได้รับบาดเจ็บสาหัสก่อนเสียชีวิตในที่สุดดังกล่าว

พระมหาธีรวัฒน์ กล่าวอีกว่า เตาเผาของเมรุฌาปนกิจศพสร้างมาได้ประมาณ 1 ปี และเคยใช้ฌานปกิจศพมาแล้ว 1 ครั้งจึง คาดว่าสาเหตุเกิดจากความไม่ชำนาญของผู้ที่เกี่ยวข้องเพราะเดิมใช้วิธีการเผาด้วยถ่านและเชื้อเพลิงตามปกติ แต่ต่อมาทางสำนักพระพุทธศาสนาได้จัดสรรงบประมาณให้ประมาณ 1.2 ล้านบาท เพื่อการก่อสร้างด้วยระบบเผาไหม้ด้วยแก๊สและจุดด้วยไฟฟ้าซึ่งเป็นแห่งแรกของ อ.เทิง โดยการใช้งานครั้งแรกก็ผ่านพ้นไปด้วยดีแต่ได้รับแจ้งจากสัปเหร่อว่าเขาถนัดระบบเดิมมากกว่าส่วนระบบใหม่ไม่มีความชำนาญจึงบอกเป็นลางว่าจะทำเป็นศพสุดท้ายและครั้งนี้ก็ให้ลูกสาวมาช่วยงานด้วย แต่ก็เกิดอุบัติเหตุขึ้นดังกล่าว 

อย่างไรก็ตามสาเหตุที่แท้จริงนั้นคงต้องให้ทางเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานได้ช่วยสรุปผลเพื่อแก้ไขปัญหากันต่อไป ส่วนในอนาคตนั้นจะได้ประชุมหารือกับชาวและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่าจะบูรณะของเดิมหรือไม่อย่างไรรวมถึงจะใช้ระบบเดิมนี้อีกหรือไม่ต่อไป 

รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับเมรุฌาปนกิจศพทั่วไปที่ใช้ระบบเผาไหม้ด้วยไฟฟ้าทั้งหมดจะต้องใช้งบประมาณ 1.8 ล้านบาท ทำให้ทางวัดบุญนาคซึ่งได้รับงบประมาณมาดังกล่าวนำมาก่อสร้างด้วยระบบเผาไหม้ด้วยแก๊สและจุดไฟด้วยไฟฟ้าดังกล่าว ซึ่งทางวัดและเอกชนที่รับติดตั้งรวมทั้งผู้เกี่ยวข้องทั่วไปก็ยืนยันว่าสามารถใช้งานได้ดีทำให้ไม่ทราบถึงสาเหตุของอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นจึงรอให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อน ส่วนผู้ที่ประสงค์จะร่วมบริจาคเพื่อช่วยเหลือวัดบุญนาคและชาวบ้านอีก 2 หมู่บ้านที่ใช้ฌาปนสถานดังกล่าวสามารถบริจาคได้ที่บัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ ชื่อบัญชีวัดบุญนาคได้.