เมื่อเวลา 14.00 น.วันที่9 ก.พ. ที่ร้านทำเล็บ บิวตี้ ออฟ บาร์ (beauty of bar) ซอยทองหล่อ 13 พ.ต.อ.พันษา อมราพิทักษ์ ผกก.สน.ทองหล่อ เดินทางมาพูดคุยกับ นางสาวเอ(นามสมมุติ) ผู้ดูแลร้าน เพื่อทำความเข้าใจ กรณีปรากฎภาพวงจรปิดของทางร้านซึ่งเป็นร้านของดิว อริสรา ดาราสาว มีตำรวจนอกเครื่องแบบ 2 นายทำทีมาขอตรวจหาคนร้ายตามที่ปรากฎทางสื่อ โดยแสดงตัวว่าเป็นตำรวจของ สน.ทองหล่อ
พ.ต.อ.พันษา กล่าวว่า มีตำรวจฝ่ายสืบสวนยศสิบตำรวจเอก 2 นาย ของ สน.ทองหล่อ ไปที่ร้านทำเล็บของดิว อริสรา จริงสืบเนื่องจากมีตำรวจสังกัดกองบัญชาการแห่งหนึ่ง กำลังติดตามตัวผู้ต้องหาตามหมายจับศาลแขวงพระนครใต้ ข้อหาร่วมกันทำร้ายร่างกาย ของ สน.ทองหล่อ เนื่องจากผู้ต้องหามีความเชื่อมโยงกับคดีที่ก่อเหตุในพื้นที่ของกองบัญชาการดังกล่าว จึงประสานมายังเพื่อนซึ่งเป็นตำรวจสืบสวน สน.ทองหล่อให้ช่วยลงพื้นที่หาข่าว เพื่อเป็นข้อมูลในการติดตามจับกุม โดยไม่ทราบมาก่อนว่า ร้านทำเล็บดังกล่าวเป็นของ ดิว อริสรา
ส่วนที่ทางพนักงานบอกว่าตอนไปตรวจค้นตำรวจทั้ง 2 นาย อ้างว่าไปตรวจสอบแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายนั้น ก็เป็นวิธีการการทำงานเพื่อไม่ให้ผู้ต้องหารู้ตัว หรือแหวกหญ้าให้งูตื่น ซึ่งการเข้าไปตรวจสอบร้านดังกล่าว ไม่มีหมายค้น เนื่องจากเป็นสาธารณะสถาน เป็นร้านให้บริการมีประชาชนผู้ใช้บริการเข้าออก จึงไม่จำเป็นต้องขอหมายค้นต่อศาล กรณีการตรวจค้นที่จะต้องใช้หมายค้นนั้นจะต้องเป็นเคหะสถาน หรือบ้านพักอาศัย
พ.ต.อ.พันษา กล่าวอีกว่า การกระทำของตำรวจทั้ง 2 นาย ทำตามขั้นตอนของกฎหมาย ซึ่งหากตำรวจ สน.ทองหล่อประพฤติตนไม่ชอบก็จะต้องถูกดำเนินการตามวินัยและขั้นตอนตามกฎหมายไม่ปล่อยไว้อย่างแน่นอน ส่วนข้อสงสัยว่า ทำไมร้อยวันพันปีตำรวจจึงเพิ่งมาตรวจ เห็นว่ามีตำรวจไปตรวจคอยดูแลความปลอดภัยดีกว่าไม่มี เป็นการสร้างความเชื่อมั่นแก่ประชาชน แต่สำหรับการตรวจสอบครั้งนี้เป็นการลงพื้นที่หาข้อมูลผู้ต้องหาตามหมายจับดังกล่าว ซึ่งเป็นหน้าที่ตำรวจที่จะต้องอธิบาย การปฎิบัติงาน หากประชาชนไม่เข้าใจ
ส่วนกระแสข่าวเรื่องที่มีตำรวจระดับรองสารวัตร เป็นหุ้นส่วนเปิดร้านผับบาร์ย่านทองหล่อ กับ เบนซ์ เดม่อน นั้น จากการตรวจสอบในเบื้องต้นยังไม่มีข้อมูลว่ามีนายตำรวจของสน.ทองหล่อ ไปมีหุ้นส่วนหรือมีส่วนเกี่ยวข้องร้านผับบาร์กับนายเบนซ์ เดม่อนที่อยู่ในพื้นที่ ซึ่งจะต้องขอเวลาในการตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง หากพบว่าเป็นเรื่องจริงก็จะดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป