วันที่ 6 ก.พ.66 ที่ศูนย์ปฏิบัติการน้ำอัจฉริยะ (SWOC) กรมชลประทาน ถนนสามเสน ดร.ทวีศักดิ์ ธนเดโชพล รองอธิบดีกรมชลประทาน เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการติดตามและวิเคราะห์แนวโน้มสถานการณ์น้ำ ผ่านระบบ Video Conference ไปยังสำนักงานชลประทานที่ 1-17 และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมอุตุนิยมวิทยา สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ กรมทรัพยากรน้ำ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย สำนักการระบายน้ำกรุงเทพมหานคร การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เพื่อติดตามและวิเคราะห์สถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำ แหล่งน้ำ และแม่น้ำสายหลักต่าง ๆ สำหรับเป็นข้อมูลในการบริหารจัดการน้ำให้สอดคล้องและเหมาะสมในแต่ละพื้นที่ต่อไป

ดร.ทวีศักดิ์ ธนเดโชพล รองอธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า ปัจจุบัน (6 ก.พ.) อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางทั่วประเทศ มีปริมาณน้ำรวมกัน 57,038 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 75 ของความจุอ่างฯ เฉพาะ 4 เขื่อนหลักลุ่มน้ำเจ้าพระยา (เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์) มีปริมาณน้ำรวมกัน 17,945 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 72 ของความจุอ่างฯ ภาพรวมปริมาณน้ำต้นทุนอยู่ในเกณฑ์ดี จนถึงขณะนี้มีการจัดสรรน้ำในฤดูแล้งปี 65/66 ทั้งประเทศไปแล้ว 12,254 ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็นร้อยละ 45 ของแผนฯ (แผนจัดสรรน้ำทั้งประเทศ 27,685 ล้าน ลบ.ม.) เฉพาะลุ่มเจ้าพระยามีการจัดสรรน้ำไปแล้ว 4,200 ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็นร้อยละ 47 ของแผนฯ (แผนจัดสรรน้ำลุ่มเจ้าพระยา 9,100 ล้าน ลบ.ม.) ด้านผลการเพาะปลูกข้าวนาปรัง ทั้งประเทศมีการเพาะปลูกไปแล้ว 8.47 ล้านไร่  หรือคิดเป็นร้อยละ 81 ของแผนฯ เฉพาะลุ่มน้ำเจ้าพระยามีการเพาะปลูกไปแล้วประมาณ 5.82 ล้านไร่ คิดเป็นร้อยละ 88 ของแผนฯ  สำหรับพื้นที่ลุ่มต่ำที่มีการปรับปฏิทินการเพาะปลูกเพื่อเลี่ยงผลผลิตเสียหายในฤดูน้ำหลาก นั้น  ปัจจุบันเพาะปลูกเต็มพื้นที่แล้ว คาดว่าจะเก็บเกี่ยวแล้วเสร็จตามแผนที่กำหนด  

ทั้งนี้ ได้กำชับให้โครงการชลประทาน และสำนักเครื่องจักรกลในพื้นที่ตอนบนที่อยู่ในช่วงฤดูเพาะปลูก หมั่นตรวจสอบอาคารชลประทาน  ระบบส่งน้ำ รวมไปถึงเครื่องมือ เครื่องจักร ให้มีสภาพพร้อมใช้งานอยู่เสมอ เพื่อให้สามารถส่งน้ำให้เกษตรกรได้เพาะปลูกอย่างทั่วถึง ที่สำคัญให้ทำการประชาสัมพันธ์ ขอความร่วมมือให้ทุกภาคส่วน ร่วมใจกันใช้น้ำอย่างประหยัด เพื่อให้มีปริมาณน้ำเพียงพอต่อทุกกิจกรรมไปตลอดช่วงฤดูแล้งนี้    

ในส่วนของพื้นที่ภาคใต้นั้น กรมอุตุนิยมวิทยา คาดการณ์ว่า มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือและลมตะวันออกที่พัดปกคลุมอ่าวไทย ภาคใต้และทะเลอันดามันมีกำลังอ่อนลง ทำให้บริเวณภาคใต้มีฝนฟ้าคะนองในบางพื้นที่ จึงได้กำชับไปยังโครงการชลประทานในพื้นที่ ให้เฝ้าระวังและติดตามสภาพอากาศอย่างใกล้ชิด เพื่อให้สามารถแจ้งเตือนประชาชนได้อย่างทันต่อเหตุการณ์ พร้อมปฏิบัติตามมาตรการรับมือฤดูฝนที่กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) กำหนดไว้อย่างเคร่งครัด  จัดเตรียมเครื่องจักร เครื่องมือ อาทิ เครื่องสูบน้ำ เครื่องผลักดันน้ำ รถแทรกเตอร์ รถขุด และอื่นๆ เข้าประจำไว้ในพื้นที่เสี่ยง รวมไปถึงการกำจัดวัชพืชสิ่งกีดขวางทางน้ำ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำ พร้อมทั้งรักษาระดับน้ำในพรุให้สมดุล เพื่อป้องกันการเกิดอัคคีภัยในพื้นที่   รวมทั้งควบคุมค่าความเค็มในทะเลสาบสงขลาไม่ให้เกินค่ามาตราฐานที่กำหนด  ที่สำคัญให้บูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ถึงสถานการณ์น้ำและแผนการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ให้ประชาชนรับทราบอย่างต่อเนื่องเพื่อลดผลกระทบที่จะเกิดกับประชาชนให้ได้มากที่สุด