วันที่ 4 ก.พ.66 ที่สำนักงานเขตสาทร นายชัชชาติ สิทธิพันธ์ุ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวภายหลังประชุมกิจกรรมผู้ว่าฯสัญจรเขตสาทร ว่า เขตสาทรอยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯชั้นใน มีพื้นที่ประมาณ 9.3 ตารางกิโลเมตร มีประชากรประมาณ 72,000 คน ประกอบด้วยถนนสายหลัก คือ ถนนจันทน์ ถนนเซ็นต์หลุยส์ ถนนนราธิวาส และถนนสาทรฝั่งใต้ ปัญหาเบื้องต้น คือ ไฟส่องสว่างชำรุด 242 ดวง จากทั้งหมด 2,000 กว่าดวง รวมถึงเรื่องทางเท้าและหาบเร่แผงลอยประมาณ 10 จุด มีผู้ค้าผิดระเบียบประมาณ 200 ราย กำลังอยู่ระหว่างจัดระเบียบโดยการจัดหาพื้นที่ให้ผู้ค้าอยู่ในจุดที่ไม่ขวางทางเดิน เช่น บริเวณเวทีลุมพินี ได้จัดระเบียบไปแล้ว และกำลังขยายการจัดระเบียบจุดอื่นๆต่อไป

ปัญหาสำคัญ คือ การจัดเก็บรายได้ ปัจจุบันเขตสาทรมีการเก็บข้อมูลของบ้าน คอนโดมิเนียม และที่ดิน ครบ 100% และจะออกใบแจ้งหนี้ประมาณเดือนเมษายน ขณะนี้อยู่ระหว่างนำข้อมูลทั้งหมดเข้าระบบ BMA TAX(ระบบสารสนเทศภาษีท้องถิ่นของกทม.) คาดว่าจะสำเร็จตามแผนที่วางไว้

ส่วนสถานการณ์ฝุ่นปัจจุบันเริ่มดีขึ้นตามที่คาดการณ์ไว้ว่า เริ่มลดลงตั้งแต่ประมาณ 22.00 - 23.00 น.ของวันที่ 2 ก.พ. เนื่องจากลมใต้มีกำลังแรงพัดเข้ามาเสริมในพื้นที่กรุงเทพฯ ทำให้มีความชื้นเพิ่มขึ้น จากการติดตามพยากรณ์ใน 2-3 วันข้างหน้า สถานการณ์ไม่รุนแรงมาก ทั้งนี้ กรมควบคุมมลพิษ ระบุว่า ค่าฝุ่นตั้งแต่ 90 มคก./ลบ.ม.เป็นต้นไปประกอบด้วย 1. ค่าฝุ่น 30 มคก./ลบ.ม.แรก มาจากการจราจร 2. ค่าฝุ่น 30 มคก./ลบ.ม.ต่อมา เกิดจากอากาศปิด รวมเป็น 60 มคก./ลบ.ม. และ 3. หากมีการเผาชีวมวลประกอบด้วยค่าฝุ่นจะเพิ่มอีก 30 มคก./ลบ.ม. รวมเป็น 90 มคก./ลบ. ซึ่งเป็นระดับอันตราย

หน้าที่ของ กทม.คือ ควบคุมการจราจร เช่น การขอความร่วมมือทำงานที่บ้าน(WFH) รวมถึงการควบคุมมลพิษรถยนต์ที่ใช้น้ำมันดีเซลและเบนซินตามมาตรฐานยูโร 5 รวมถึง การใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100%(Electric Vehicle) และรถขนส่งสาธารณะให้มากขึ้น เชื่อว่าในระยะกลางและระยะยาวจะช่วยควบคุมฝุ่น PM2.5 ในส่วนของการจราจรได้

อีกส่วนคือ การควบคุมการเผาชีวมวล กทม.ต้องเข้มงวด มีการขอความร่วมมือทั้งภายในกรุงเทพฯและประเทศเพื่อนบ้าน รวมถึงการออกจดหมายขอความร่วมมือไปยังจังหวัดต่างๆ ตลอดจนกลุ่มอาเซียน เพื่อข่วยกันควบคุม

ทั้งนี้ ลมใต้ที่พัดขึ้นมาได้นำพาฝุ่นขยับขึ้นสู่ภาคเหนือ โดยเฉพาะ จ.เชียงใหม่ สถานการณ์ฝุ่นจะเริ่มหนักขึ้น เชื่อว่าในระยะยาวสถานการณ์จะดีขึ้นหากได้รับความร่วมมือจากหลายฝ่ายตามแผนวาระแห่งชาติ จากการคาดการณ์ ช่วง 4-5 วันข้างหน้าค่าฝุ่นยังไม่รุนแรงมาก เพราะลมทางใต้ที่พัดเข้ามาไม่พัดผ่านจุดที่มีการเผา ทำให้กรุงเทพฯมีอากาศสดชื่นขึ้น ประกอบกับการพยากรณ์ปัจจุบันเริ่มแม่นยำ ทำให้เตรียมตัวได้ทัน อย่างไรก็ตาม ต้องคอยติดตามสถานการณ์ต่อไป