วันที่ 2 ก.พ.2566 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แถลงข่าวเกี่ยวกับ PM 2.5  ว่าปัจจุบันส่งผลกระทบต่อสุขภาพ ในจังหวัดภาคกลาง  ภาคเหนือ  ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และ กทม. ยกเว้นภาคใต้ หลังพบจุดความร้อน 1,200 จุดใน 15 จังหวัด  ประกอบกับมีหมอกควันข้ามแดนจากประเทศเพื่อนบ้าน ทำให้เกิด PM 2.5 โดยในช่วงวันที่ 1-4 กุมภาพันธ์จะเป็นช่วงที่มีผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน  ซึ่งฝุ่นจะลดลงในช่วงวันที่ 5 กุมภาพันธ์  และวันที่  7 กุมภาพันธ์ จะลดอยู่ในค่ามาตรฐาน  

โดยมาตรการรับมือกับ PM 2.5 ในส่วนของกรุงเทพมหานครดีมากกว่าการทำงานจากที่บ้าน หรือ WFH เพื่อลดการจราจร  เข้มงวดกับการก่อสร้างและการเผาในที่โล่ง   ขณะที่ในพื้นที่จังหวัดอื่นๆให้ผู้ว่าราชการจังหวัดบริหารจัดการ  เพื่อลดการเผาและควบคุมจุดความร้อน   

สำหรับ PM 2.5 เป็นฝุ่นละอองขนาดเล็ก ซึ่งสามารถหายใจเข้าไปได้ โดยฝุ่นปกติที่มีขนาดใหญ่จะติดอยู่ที่บริเวณหลอดลม แต่ฝุ่นที่มีขนาด 2.5  จะผ่านเข้าไปในปอด กระแสโลหิต และเข้าไปในร่างกาย ทำให้เกิดการระคายเคือง ซึ่งนอกจากระบบทางเดินหายใจ  ยังส่งผลกระทบ ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว 

ในระยะสั้น  ทำให้เกิดหลอดเลือดหัวใจอุดตัน  หัวใจเต้นผิดจังหวะ  เสี่ยงต่อเส้นเลือดในสมองอุดตันและแตก   ส่วนในระยะยาว ส่งผลกระทบต่อโรคทางหัวใจ การทำงานของไตเสื่อม  โรคเบาหวานและเกี่ยวข้องกับมะเร็งปอด  

ทั้งนี้ควรหลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมกลางแจ้ง   ป้องกันตัวเองด้วยการใส่หน้ากากอนามัย  เมื่อมีอาการแสบตาหรือแสบจมูกอย่าใช้นิ้วขยี้  โดยให้รักษาตามอาการ