เมื่อวันที่ 26 มกราคม 2566 นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน อดีตประธาน นปช. กล่าวผ่านเฟซบุ๊กไลฟ์ เพจ ประเทศไทยต้องมาก่อน โดยระบุว่า นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ส่งสัญญาณกลับบ้านครั้งล่าสุด จะจุดเชื้อวิกฤตปัญหาให้บ้านเมืองเสียหาย โดยนายจตุพรกล่าวตอนหนึ่งว่า ประเมินว่าสถานการณ์ประเทศจะเดินไปถึงเลือกตั้งหรือไม่ และถ้าไม่ถึงจะเกิดจากวิกฤตอะไร ซึ่งที่ชัดเจนในวิกฤตแรกคงเกิดจากกรณีนายทักษิณประกาศจะใช้ใจอย่างเดียวเพื่อกลับบ้าน แต่การกลับมา เมื่อศาลพิพากษาคดีถึงที่สุดแล้ว จึงไม่มีช่องทางอื่นนอกจากเข้าเรือนจำ ดังนั้น การประกาศกลับบ้านโดยไม่ใช้กฎหมายจึงเป็นการปลุกความคิดให้นำไปสู่การล้มกระดานได้อย่างง่ายดายอีกรอบหนึ่ง
“ถ้านายทักษิณจะกลับบ้านก่อนมี พ.ร.ฎ.เลือกตั้งก็กลับมา สังคมจะได้ตั้งหลัก หากกลับบ้านช่วงเข้าโหมดมีเลือกตั้งแล้วจะไม่ได้เลือกตั้ง หรือเลือกตั้งเสร็จผลการเลือกตั้งก็ไม่ได้ใช้ เพราะจะพังในสถานการณ์อื่นๆ และจะเกิดวิกฤตแบบเผด็จการทรราชในอดีตจนเป็นชนวนเหตุการณ์ 6 ตุลา 2519 ฉะนั้น นายทักษิณต้องนึกช้าๆ ว่า ฟังใครหรือเปล่า เพราะโรคของผู้มีอำนาจเหมือนกันหมด ไม่ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หรือนายทักษิณ ต้องการฟังแต่ข่าวดี ไม่อยากฟังข่าวร้ายที่เป็นความจริง แต่ชอบคำสอพลอ ชอบคำสรรเสริญเยินยอ จึงนำพาสู่ความฉิบหาย ถ้าท่านเป็นคนทั่วไปต้องไม่หนีคดี ต้องยืนหยัดเดินเข้าเรือนจำอย่างสง่างาม แต่ตลอดเวลาท่านไม่ได้เลือกใช้ความสง่างามข้อนี้”
นายจตุพรกล่าวด้วยว่า ตนคิดว่าถ้านายทักษิณจะกลับมาให้กลับตอนนี้เลย เดินเข้าเรือนจำอย่างสง่างาม หากกลับมาก่อนเลือกตั้งจะเกิดความโกลาหล กระดานเลือกตั้งอาจล้มเลย ถ้ากลับมาหลังเลือกตั้ง ซึ่งชนะเลือกตั้งก็เห็นอยู่แล้วว่า 19 ล้านเสียง เมื่อปี 2549 ก็ยังเอาตัวไม่รอด จะปกป้องได้หรือ เพราะเป็นเสียงที่มีความสัมพันธ์ ระหว่างนักเลือกตั้งกับผู้เลือกตั้ง ไม่ใช่ผูกพันด้วยจิตวิญญาณ ดังนั้น ได้คะแนนเสียงเท่าไรก็ป้องกันตัวเองไม่ได้ ฉะนั้น อะไรก็ตามที่ท่านคิดว่าคนไม่รู้ แต่ผมรู้ พยายามส่งสัญญาณเตือนกันเบาๆ มาตลอด ที่ไปดีลอย่าทำ เพราะกาลเทศะไม่สมควร และภายใต้นายทักษิณกลับมาด้วยเงื่อนไขไม่ใช้กฎหมาย ไม่เข้าเรือนจำ จะเกิดโกลาหล ถ้าไม่สงสารตัวเองก็ให้สงสารประเทศชาติบ้าง สงสารประชาชนที่ลำบากบ้าง