เริ่มแล้ว ! งานนมัสการพระแท่นศิลาอาสน์  ประเพณีเก่าแก่สืบทอดมานานกว่า 100 ปี ผู้ว่า ฯ อุตรดิตถ์ ชูเมืองแห่ง 3 วัฒนธรรม ล้านนา ล้านช้าง และ  ภาคกลาง ส่งเสริมการท่องเที่ยวและกระตุ้นเศรษฐกิจของไทย

เมื่อวันที่ 25 มกราคม 66 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณวัดพระแท่นศิลาอาสน์ พระอารามหลวง อ.ลับแล จ.อุตรดิตถ์ นายนายสมหวัง  พ่วงบางโพ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ เป็นประธานเปิดงานนมัสการพระแท่นศิลาอาสน์ ประจำปี 2566 พระเทพโมลี รักษาการแทนเจ้าคณะจังหวัดปราจีนบุรี – สระแก้ว (ธ) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดเทพศิรินทราวาส กรุงเทพ ประธานฝ่ายสงฆ์ พระสงฆ์ทรงสมศักดิ์  19 รูป  เจริญพระพุทธมนต์ หน้าวิหารพระแท่นศิลาอาสน์ มีขบวนแห่เครื่องนมัสการบูชาพระแท่นศิลาอาสน์ ขบวนแห่เทิดพระเกียรติ ขบวนแห่อุตรดิตถ์เมืองแห่ง 3 วัฒนธรรม ประกอบด้วย ขบวนแห่วัฒนธรรมล้านนา วัฒนธรรมล้านช้าง และ วัฒนธรรมไทยกลาง สุโขทัย สยาม การแต่งกายเพื่อแสดงถึงวิถีชีวิตและวัฒนธรรมท้องถิ่นถิ่นด้วยผ้าทอพื้นเมือง ขนบธรรมเนียมประเพณีของหมู่บ้านจาก 9 อำเภอ สะท้อนวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้านในพื้นที่ คือ วัฒนธรรมล้านนา ล้านช้างและภาคกลาง สุโขทัย สยาม มีนักท่องเที่ยวทั้งในพื้นที่จังหวัดอุตรดิตถ์และจังหวัดใกล้เคียงให้ความสนใจเที่ยวงานกันเป็นจำนวนมาก


พระแท่นศิลาอาสน์ เป็นพุทธสถานที่ชาวไทยทั่วประเทศเดินทางมาตามคำบอกเล่าของบรรพบุรุษว่า “ไหว้พระแท่น 3 ครั้ง จะได้ไปสวรรค์” โดยงานจะมีตั้งแต่ 25  มกราคมนี้ ไปจนถึงวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2566 รวม 12 วัน12 คืน ภายในงานมีพิธีตักบาตรพระร้อย รุ่งอรุณวันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำเดือน 3 พิธีกวนพุทราบูชาพระแท่นศิลาอาสน์ กิจกรรมตักบาตรพระร้อย  เททองหล่อรูปเหมือนพ่อขุนรามคำแหงมหาราช และทำบุญทักษิณานุปทานอุทิศแด่บูรพาจารย์ เลือกซื้อสินค้าพื้นเมือง อาทิ น้ำอ้อยกะทิ ประกอบด้วย ถั่ว งา มะพร้าว ปีหนึ่งหาทานได้เพียงครั้งเดียวที่งานนมัสการพระแท่นศิลาอาสน์แห่งนี้ ไม่มีขายตามท้องตลาด น้ำตาลโตนด น้ำตาลจากเมืองเพชรบุรี พุทรากวน ไม้กวาดตองกง ข้าวเกียบว่าว ข้าวเกียบงา เครื่องจักรสานพื้นบ้าน สินค้าท้องถิ่นที่ชาวบ้านนำมาจำหน่ายขายภายในงานรวมถึงสินค้าโอท็อปของอุตรดิตถ์ มีจำหน่ายภายในงานด้วยเช่นกัน

เป็นงานประเพณีที่มีมานานกว่า 100 ปี
พระแท่นศิลาอาสน์ เป็นแท่นศิลาแลง มีขนาดกว้าง  8  ฟุต ยาว 9  ฟุต สูง 3  ฟุต เป็นปูชนียวัตถุที่มีตำนานกล่าวว่า เป็นแท่นที่พระโพธิสัตว์ 5  พระองค์   เมื่อครั้งเสวยชาติเป็นเดรัจฉาน เสด็จมาประทับเพื่อบำเพ็ญพระบารมี ตั้งสัตยาธิษฐานเพื่อปรารถนาที่จะตรัสรู้เป็นพระพุทธจ้า ในภัทรกัปเดียวกันนี้ ต่อมาพระโพธิสัตว์ทั้ง  5  พระองค์ ได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าไปแล้ว 4  พระองค์ คือ พระกกุกสันโทพุทธเจ้า พระโกนาคมโนพุทธเจ้า พระกัสโปพุทธเจ้า และพระโคตโมพุทธเข้า ส่วนพระโพธิสัตว์องค์ที่  5  คือ พระศรีอาริยเมตไตโยโพธิสัตว์ จะเสด็จมาตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าองค์ต่อไป เมื่ออายุกาลพระพุทธศาสนาของพระพุทธเจ้าองค์ ปัจจุบันล่วงพ้นมาแล้วกว่า 5,000 ปี


วัดพระแท่นศิลาอาสน์ เป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองจังหวัดอุตรดิตถ์ และเป็นวัดที่สำคัญแห่งหนึ่งของประเทศไทย พระมหากษัตริย์หลายพระองค์ทรงเสด็จมานมัสการสักการะกราบไหว้ วัดแห่งนี้สังกัดคณะธรรมยุตนิกายและ เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดสามัญ มีหลักฐานการได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเป็นเอกสารชัดเจนในสมัยรัชกาลที่ 5  เมื่อวันที่ 19   ตุลาคม   2452 


โบราณว่า “ผู้ใดมากราบไหว้พระแท่นศิลาอาสน์ถึง 3 ครั้ง จะได้ไปสวรรค์”  งานนมัสการพระแท่นศิลาอาสน์ หากใครได้มาเที่ยว ถือมีบุญศักดิ์ใหญ่ ได้เที่ยวงานวัดในคราวเดียวถึง 3 แห่งด้วยกันคือ วัดพระแท่นศิลาอาสน์ วัดพระยืนพุทธบาทยุคลและวัดพระนอนพุทธไสยาสน์  ซึ่งอยู่ในอาณาบริเวณรอบเขตสีมาติดต่อกันทั้ง 3 วัด การจัดงานถูกกำหนดให้มีในวันเวลาเดียวกันและมีแห่งเดียวในประเทศไทย ประชาชนที่มาเที่ยวจะได้รับอานิงสงฆ์บุญอย่างเต็มอิ่ม พร้อมยกพระเสี่ยงทายโชควาสนา หน้าที่การงาน คู่ครอง ความรัก โรคภัย ในวิหารพระแท่นศิลาอาสน์ปิดท้ายก่อนกลับบ้าน.

​​​​​​​