วันที่ 25 ม.ค. 2566 เวลา 09.30 น. ที่ห้องเก็บศพ รพ.ขอนแก่น นางศุภิสรา อายุ 53 ปี ภรรยาของกำนันตำบลป่าปอ พี่สาวของนายวรภบ หรือเด่น อายุ 41 ปี อยู่บ้านเลขที่ 89 ม.6 บ้านหนองขี้เห็น ต.บ้านหัน อ.โนนศิลา อ.โนนศิลา จ.ขอนแก่น พร้อมด้วย นางทับทิม อายุ 43 ปี ภรรยาของนายเด่น และบุตรสาวนายเด่น รวมทั้งญาติพี่น้องประมาณ 20 คน รวมตัวกันอยู่หน้าห้องเก็บศพ หลังทราบว่า นายเด่นเสียชีวิตที่รพ.ขอนแก่น จึงพากันเดินทางมารับศพกลับไปบำเพ็ญกุศลตามประเพณี
นางทับทิม อายุ 43 ปี ภรรยาของนายเด่น กล่าวทั้งน้ำตาว่า สามีถูกบรรดานักเล่นพนันชนไก่ที่บ่อนของครูแมน กระทืบและรุมทำร้ายจนเสียชีวิต โดยในหมู่คนที่ทำร้ายนายเด่นนั้นมีตำรวจหลายนาย โดยนายเด่นบาดเจ็บสาหัส ถูกนำส่งรพ.โนนศิลา แต่อาการมีเลือดออกในช่องท้อง ต้องส่งมารักษาตัวที่รพ.ขอนแก่น ประมาณ 3 วันก็ออกจาก รพ.ไปพักรักษาตัวที่บ้าน แต่ขณะกำลังจะเดินไปให้การกับตำรวจกรณีที่แจ้งความไว้ ในเรื่องของการถูกทำร้ายร่างกาย รวมทั้งมีตำรวจไปแจ้งความกล่าวหานายเด่น ใช้ขวดตีที่ศีรษะด้วยนั้น นายเด่นเกิดอาการกำเริบเจ็บท้องรุนแรง จนต้องหามกลับมาส่งที่รพ.ขอนแก่นอีกครั้ง จนกระทั่งนายเด่นเสียชีวิต
" จุดเกิดเหตุนั้น เป็นบ่อนไก่ เป็นบ่อนพนันจริง เพราะสามีและชาวบ้านเข้าไปเล่นพนันชนไก่บ่อยครั้ง อีกทั้งหลังเกิดเหตุเพียงวันเดียว ได้ติดต่อกับครูแมนเจ้าของบ่อนไก่ เพื่อขอโทรศัพท์มือถือของสามีและรถคันที่สามีขับขี่มาที่บ่อนคืนจากครูแมน ซึ่ง ก็ได้รับคำตอบจากครูแมนว่ามารับได้ แต่ต้องจ่ายเงินจำนวน 2,500 บาท และให้ไปหาที่ประตูทางเข้าโรงเรียนบ้านหนองไฮ ต.บ้านหัน อ.โนนศิลา จ.ขอนแก่น เมื่อเดินทางไปถึงครูแมนบอกว่า นายเด่นเล่นไก่เสียที่สนาม นายเด่นเงินไม่พอ ครูแมนจึงจ่ายให้ก่อน 1,500 บาท ส่วนอีก 1,000 บาท จะเอาไปจ่ายให้ตำรวจ 500 บาท จ่ายอำเภอ 500 บาท ทั้งยังย้ำว่า ในบ่อนไก่วันดังกล่าว มีไก่มาจับกันหลายคู่ ครูแมนจะมีรายได้ 4,000 บาท แต่นายเด่นสร้างปัญหาขึ้น ทำให้ทุกอย่างพังและเสียรายได้ทั้งหมดไป จึงขอยืนยันว่า สถ่านที่ดังกล่าวไม่ใช่ที่คัดเลือกสายพันธุ์ไก่ชน หรือสนามซ้อมไก่ชน แต่มันคือ บ่อนไก่ที่มีมานาน ชาวบ้านเขารู้จักกันดี"
นางทับทิม กล่าวต่ออีกว่า ในส่วนของสามีนั้น สามีเข้าไปดูชนไก่และเล่นพนันในบ่อนไก่ดังกล่าว แต่มีการกล่าวถึงว่า สามีเมาแล้วหาเรื่องตีหัวตำรวจที่ดูไก่ชนอยู่ ทำไมตำรวจไม่จับกุม แต่กลับใช้กำลัง นำคนหมู่มากมารุมกระทืบรุมทำร้ายสามีตนจนบาดเจ็บสาหัส กระทั่งเสียชีวิต ตั้งแต่วันเกิดเหตุผ่านไปเป็นอาทิตย์ ไม่มีตำรวยนายใด หน้าไหนมาถามไถ่ มาเยี่ยม แต่อย่างใด แต่พอเป็นข่าว ขึ้นมา กลับมาเสนอหน้าขอเยียวยา ขอไกล่เกลี่ย จึงขอฝากไปบอกว่า มันไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว นายเด่นตายเพราะการกระทำของตำรวจแล้ว ฝากให้คิดด้วยว่า ถ้าเป็นญาติพี่น้องของตำรวจจะยอมและใจเย็นได้หรือไม่
"ตอนนี้นายเด่นตายแล้ว หัวหน้าครอบครัวที่หาเลี้ยงลูกและภรรยารวมถึงหาเงินใช้หนีสิ้น และใครจะทำมาหากินเลี้ยงครอบครัวต่อไป โดยก่อนที่สามีจะเสียชีวิตนั้น หลังเยี่ยมสามีช่วงเช้า ก็กลับไปบ้าน และกลับมาหาสามีในช่วงบ่าย และเข้าเยี่ยมสามี ก็พบกระเช้าเยี่ยมคนป่วยตั้งอยู่ที่โต๊ะข้างเตียง สามีจึงเล่าให้ฟังว่า หมวดหนุ่ย ตำรวจบ้านไผ่ กับตำรวจอีก 1 นาย มาเยี่ยม ขอรับผิดชอบทุกอย่าง ให้เงินสามีไว้ 1,000 บาทแต่สามีบอกว่า มันไม่จบง่ายๆ เพราะทุกอย่างให้พี่สาวกับเมียตัดสินใจ ตำรวจทั้ง 2 นาย จึงกลับไป"
ขณะที่นางศุภิสรา อายุ 53 ปี ภรรยาของกำนันตำบลป่าปอ พี่สาวของนายเด่น กล่าวว่า หลังเป็นข่าวผ่านสื่อมวลชนออกไป ก็ได้รับการติดต่อจาดปลัด ประจำศูนย์ดำรงธรรมอำเภอโนนศิลาว่า มีตำรวจที่ร่วมในเหตุการณ์ ซึ่งอ้างว่าเป็นคนเข้าไปห้าม ขอเจรจาไกล่เกลี่ยและขอยอมรับผิดในทุกกรณี ครอบครัวอยากได้เงินเท่าไหร่ให้แจ้งไป แต่ตอนนั้น อาการน้องชาย ยังนอนรักษาตัวในรพ.จึงไม่ได้พูดคุยกัน
ซึ่งเมื่อนายเด่น น้องชายตายก็ได้รับการติดต่อมาอีกว่า ฝ่ายตำรวจที่เกี่ยวข้องในเหตุการณ์ จะฝากเงิน 50,000 บาท ไปช่วยงานศพนายเด่น จึงอยากจะบอกว่า ใครจะพูดอะไร อย่างไรได้ทั้งนั้น แต่อยากให้คิดถึงหัวอกเมียกับลูกนายเด่นบ้าง ใครจะเลี้ยงดูพวกเขา หนี้สินก็ยังมี ขอยืนยันว่า นายเด่นตายแล้ว ตำรวจที่กระทำ ที่ทำร้ายนายเด่น จนตาย จะเอาเงินมาช่วยเท่าไหร่ เอามาเลย ญาติพี่น้องรับเอาไว้หมด แต่เรื่องคดีความจะไม่ยอม ตำรวจที่ทำผิดต้องได้รับโทษทั้งอาญาและวินัย หากไม่ได้รับความเป็นธรรมจะนำโลงศพที่บรรจุศพนายเด่นมาตั้งสวดอภิธรรมที่หน้าสภ.บ้านไผ่ จนกว้าจะได้รับความยุติธรรม จึงจะทำการเผา และขอยืนยันว่า ทำจริง เพราะตำรวจที่ร่วมที่ร่วมก่อเหตุนั้น เป็นตำรวจสภ.บ้านไผ่ 4 นาย สภ.พระยืน 1 นาย นอกจากนี้ยังมีชาวบ้านร่วมด้วย จึงขอให้ทุกคนที่ร่วมกันทำร้ายนายเด่นออกมารับผิดชอบในการกระทำของตนเอง เพราะเป็นสาเหตุให้นายเด่นบาดเจ็บสาหัสและเสียชีวิต ส่วนศพนายเด่นน้องชายนั้น ได้ให้แพทย์นิติเวช รพ.ศรีนครินทร์ ผ่าพิสูจน์ศพ เมื่อเสร็จเรียบร้อยก็จะนำกลับไปตั้งบำเพ็ญกุศลที่บ้านย่า ที่บ้านเลขที่ 16 ม. 2 บ้านป่าปอ อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น
ขณะที่ พ.ต.ท.พีระฉัตร สาขา รักษาราชการแทน ผกก.สภ.บ้านไผ่ กล่าวว่า มีตำรวจยศ ร.ต.ต.ถูกตีศีรษะจริง และคนเจ็บก็แจ้งความไว้ที่สภ.โนนศิลาแล้ว ส่วนที่เหลือรวมถึงตำรวจที่บาดเจ็บยังถูกกล่าวหาว่าทำร้ายชาวบ้านจนบาดเจ็บและขณะนี้เสียชีวิตแล้วนั้น ขอยืนยันว่า วันดังกล่าวตำรวจทุกนายที่อยู่ในจุดเกิดเหตุ ไม่ได้ออกทำงาน แต่ไปเป็นการส่วนตัวในวันหยุด แต่เมื่อชาวบ้านที่บาดเจ็บเสียชีวิตแล้ว ก็ต้องรอให้ทางพนักงานสอบสวนสภ.โนนศิลา ที่ทำการสืบสวนสอบสวนในคดีที่ต่างฝ่ายต่างแจ้งความกันไว้นั้น สรุปสำนวนคดีออกมาอย่างไร ก็ว่ากันไปในกระบวนการทางกฏหมายของคดีอาญา ส่วนทางวินัยเมื่อคดีอาญาสรุปสำนวนและแจ้งข้อหาไปแล้วก็จะมีการพิจารณาโทษไปในทางเดียวกัน คือตำรวจที่ร่วมกันก่อเหตุต้องรับโทษทั้งอาญาและวินัย
ด้าน พ.ต.อ.สมมาตย์ มั่งไธสง ผกก.สภ.โนนศิลา กล่าวว่า พนักงานสอบสวนรอสอบปากคำภรรยานายวรภบเพื่อยืนยันการตาย จากนั้นจะเรียกคนที่รุมทำร้ายมาแจ้งข้อหาฐานร่วมกันทำร้ายผู้อื่นจนถึงแก่ความตาย ซึ่งก่อนหน้านี้ มีการสอบปากคำ ตำรวจ สภ.บ้านไผ่ 4 นาย และ สภ.พระยืน 1 นาย แต่ไม่มีใครยอมรับว่า รุมทำร้ายผู้ตาย ทั้งดาบเม้า ที่ผู้ตายระบุชื่อในคลิปเสียง และหมวดหนุ่ย ที่ถูกผู้ตายใช้ขวดเบียร์ตีหัวก่อน ต่างก็ให้การว่าแค่ล็อคคอเท่านั้น การสอบสวนยังไม่ปรากฏตัวบุคคลที่เป็นพลเรือน และจำนวนผู้ก่อเหตุ อาจไม่ถึง 10 คนตามที่ผู้ตายบอก เพราะจุดรุมทำร้ายมีพื้นที่คับแคบ
ขณะเดียวกัน พล.ต.ต.นพเก้า โสมนัส ผบก.ภ.จว.ขอนแก่น กล่าวว่า หลังจากคนเจ็บเสียชีวิต ก็กำชับให้พนักสอบสววน ดำเนินการ รวบรวมพยานหลักฐานให้แน่นหนา ชัดเจน และดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหากับผู้กระทำความผิดทุกราย ส่วนตำรวจที่ถูกตีศีรษะและถูกกล่าวหาว่ารุมทำร้ายชาวบ้าน จนบาดเจ็บสาหัส รักษาตัวในรพ.แล้วเสียชีวิตก็จะต้องถูกแจ้งข้อกล่าวหาด้วย ขอยืนยันว่าจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ใครทำผิดก็รับโทษตามกฎหมาย ไม่มีข้อยกเว้น