วันที่ 25 ม.ค. 66 ที่รัฐสภา นายสุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะกรรมาธิการคมนาคม สภาผู้แทนราษฏร ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีผลสอบการเปลี่ยนป้ายสถานีกลางบางซื่อ ซึ่งไม่พบสิ่งผิดปกติ ราคากลางตามมาตรฐาน ว่า ผลสอบดังกล่าวไม่ค่อยชัดเจน มองว่าเป็นการฟอกขาวว่าการประมูลการเปลี่ยนป้ายไม่มีความผิด ไม่ได้พบทุจริตใดๆ และในส่วนที่ 2 ก็ระบุว่ามีข้อเสนอแนะให้ไปทบทวนราคากลาง ไม่ควรเปิดประมูลแบบเฉพาะเจาะจง ตนมองว่าหลังจากนี้ อยู่ที่ทิศทางของนโยบายว่าจะไปในทิศทางไหน 

“คนที่จะต้องตัดสินใจก็คือนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ข้อเท็จจริงเรื่องนี้สังคมให้ความสนใจ รัฐมนตรีจะหายตัวแบบนี้ไม่ได้ ผลสอบออกมาแล้วก็ต้องออกมาชี้แจงว่าจะเดินอย่างไรต่อ”

นายสุรเชษฐ์ กล่าวต่อว่า ประเด็นสำคัญคือต่อให้ไปทบทวนอะไรใหม่ สุดท้ายก็ต้องติดตั้ง หากพูดง่ายๆ ก็คือจะถูกลงแต่ตนมองว่าจำเป็นขนาดนั้นหรือไม่ ซึ่งจำนวนป้ายที่ต้องเปลี่ยนตามมีอีกหลายป้าย ทั้งป้ายริมสถานี ป้ายตามท้องถนน จะต้องใช้งบอีกเท่าไหร่ พร้อมยืนยันจุดเดิมว่าชื่อแบบเป็นทางการควรใช้ในเอกสารราชการ 

“เท่าที่ผมอ่านผลสอบเขาก็ยังเดินหน้าต่อ สุดท้าย อาจจะได้ราคาถูกลงหน่อย แค่ลดแรงกดดัน ทางสังคม แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ต้องให้ทางรัฐมนตรี ให้ Direction ที่ชัดเจน และออกมาตอบคำถามสู่สังคม”

เมื่อถามว่าจากข้อเสนอแนะของคณะกรรมการสอบ ติดใจข้อเสนอแนะใดหรือไม่ นายสุรเชษฐ์ กล่าวว่า คณะกรรมการไม่ได้สอบสวนแบบฟันธง มองว่าสังคมอยากรู้จะแพงไหม ผิดหรือไม่ สุดท้ายสังคมอยากทราบว่าแล้วจะเอาอย่างไรต่อซึ่งผลการสอบก็พวกเขาให้กับผู้กระทำเราไม่ได้ผิดอะไร ตอนนี้เป็นการโบ้ยความรับผิดชอบไปทางข้าราชการ ไปทางการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) 

“ผมเชื่อว่าหน่วยงานเขามีอำนาจ แต่อำนาจกับความเหมาะสมมันคนละเรื่องกัน เขามีอำนาจที่จะซื้อราคาเท่าไหร่ ใช้วิธีไหน แต่อย่างไรก็ตาม มันไม่เหมาะสม”

นายสุรเชษฐ์ กล่าวด้วยว่า เรื่องนี้จะมีการติดตามต่อไปในกรรมาธิการคมนาคม ส่วนจะมีการอภิปรายทั่วไป ตามมาตรา 152 จะต้องดูอีกครั้งว่า พรรคร่วมฝ่ายค้านจะมีการหยิบยกประเด็นนี้มาพูดหรือไม่